วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน ไม่ได้เป็นโรคแปลกใหม่สำหรับคนไทย เป็นโรคที่พบมานานแล้ว เป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารอย่างผิดปกติ เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ หลอดอาหารส่วนปลายมีการคลายตัวอย่างผิดปกติ ความดันของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหารต่ำกว่าปกติ หรือเกิดจากความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร รวมถึงพันธุกรรมอีกด้วย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเป็นโรคนี้ เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่หันไปใช้ชีวิตแบบชาวตะวันตก ตื่นเช้ามาก็เร่งรีบไปทำงาน ไม่ค่อยกินข้าว กินแต่กาแฟ แถมยังชอบกินอาหารเย็นหนักๆ แล้วก็นอน อาหารจึงยังตกค้างอยู่ในกระเพาะ ร่างกายต้องหลั่งกรดออกมาย่อยอาหารที่ยังตกค้างอยู่ ประกอบกับท่านอนไม่ถูกต้อง หัวเสมอหรือต่ำกว่าลำตัว ทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่ลำคอ เกิดอาการแสบระคายเคืองขึ้นมาบนคอ

ลักษณะของโรค มักเรื้อรังหรือเป็นหายๆ และถ้าปล่อยให้หลอดอาหารส่วนปลายระคายเคืองไปนานๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุหลอดอาหาร ซึ่งนำไปสู่มะเร็งหลอดอาหารได้ในที่สุด

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

8 โรคยอดฮิตสำหรับคนทำงาน

โรคยอดฮิตสำหรับคนทำงาน มีอยู่ด้วยกัน 8 โรค ซึ่งเราจะทราบอาการได้จากสัญญาณเตือนของแต่ละโรคและควรพบแพทย์เพื่อรักษาดังนี้

1. โรคความดันโลหิตสูง จะเริ่มมีเสียงดังหวิว ๆ หรือหึ่ง ๆ ในหูหรือได้ยินเสียงชีพจรในศีรษะตัวเอง เวียนศีรษะ โดยเฉพาะตอนเปลี่ยนอิริยาบถ มีอาการใจสั่นบ่อย หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ขาบวม หงุดหงิด เหนื่อยและเพลียง่าย

2. โรคหลอดเลือดสมอง ไม่มีสัญญาณเตือน โดยเกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะมีการอุดตันของเส้นเลือดที่นำอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนต่าง ๆ ส่งผลให้สมองเสียหายทำงานไม่ได้

3. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคนี้เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของไทย หากใครที่มีอาการเจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับหรือจุกแน่นลึก ๆ บริเวณใต้กระดูกหน้าอกหรือหน้าอกซ้าย ซึ่งมักเกิดขณะเดินเร็ว ยกของหนักหรือวิ่งหรือเมื่อรู้สึกเครียด

4. โรคกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่อาการเตือนจะรู้สึกปวดท้องเมื่อกินอาหารเข้าไปประมาณ 30 นาทีถึง 3 ชั่วโมงหรือบางครั้งรับประทานอาหารก็จะรู้สึกปวดท้องทันทีทันใด โดยจะเป็นก่อนหรือหลังรับประทานอาหารก็ได้รวมทั้งมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อยด้วย

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สมุนไพรดูแลผิวพรรณหน้าหนาว

สาวๆ หลายคนอาจจะมีปัญหาในการดูแลผิวพรรณให้สดชื่่น ไม่แตก ไม่ย่น ไม่คัน ในหน้าหนาว ต้องเสียเงินซื้อครีมบำรุงผิวมาชะโลมผิวกายกันมากมาย แต่วันนี้เรามีสมุนไพรพื้นบ้าน หาซื้้อง่าย ราคาไม่แพง มาฝากกันค่ะ
  • น้ำมันงา นำงาดิบประมาณ 1 ถ้วย โขลกให้ละเอียด บีบเอาน้ำมันจากงาเก็บไว้ในขวด ทาผิวตอนเช้าและก่อนนอน น้ำมันงาจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการแห้งแตกและคัน 
  • ขมิ้นชัน มีสรรพคุณช่วยลดอาการคันและช่วยลดอาการผดผื่นตามผิวหนัง เพียงนำขมิ้นชันสดมาล้างให้สะอาด โขลกให้ละเอียด บีบน้ำที่ได้นำมาทาผิว หลังอาบน้ำเช้า-เย็น แต่อาจจะมีสีของขมิ้นติดตามเสื้อผ้าที่สวมใส่ 
  • ผิวมะกรูด น้ำมันที่ผิวของมะนาวและมะกรูด จะช่วยเคลือบผิว ให้ชุ่มชื้น ลดอาการคัน ลดการอักเสบ โดยนำมะนาวที่ใช้แล้ว ส่วนบริเวณผิวด้านนอกของมะนาว มาทาผิวบริเวณที่แห้งคัน เช้า-เย็น ก็จะช่วยลดอาการคันได้

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ไก่ตุ๋นฟักมะนาวดอง


อาหารง่ายๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหน้าหนาว ซดน้ำแกงร้อนๆ ช่วยทำให้ชุ่มคอ และยังละลายเสมหะได้อีกด้วยค่ะ

ส่วนผสม
  • ฟักเขียว 1 ลูกเล็ก
  • เห็ดหอมแห้ง 4-5 ดอก
  • น่องไก่ หรือปีกบนไก่ 500 กรัม
  • รากผักชีทุบ 5 ราก
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมไทยปอกเปลือกทุบพอแตก 7 กลีบ

วิธีทำ
  • ปอกเปลือกฟักเขียว ผ่าครึ่ง ควักไส้ทิ้ง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
  • เห็ดหอมแห้งแช่น้ำให้นิ่ม ตัดก้านทิ้ง ถ้าดอกใหญ่แบ่ง 4 ส่วน
  • นำน่องไก่ น้ำเปล่า น้ำมะนาวดอง รากผักชี กระเทียม ใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟแรง 
  • รอจนเดือดแล้วเปิดฝาหม้อ ลดไฟลง ใส่เห็ดหอม ต้มต่อ
  • พอฟักเขียวสุกใส และน่องไก่เปื่อยดีแล้ว ใส่มะนาวดอง ต้มต่อสักครู่ระวังอย่าให้มะนาวแตกเพราะจะทำให้น้ำแกงขม
  • ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว และผงปรุงรส ชิมรสตามชอบ อาจจะตัดรสเค็มเปรี้ยวด้วยน้ำตาลทรายนิดหน่อย เพื่อให้รสกลมกล่อม
  • ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โรยด้วยผักชีเล็กน้อย จะทำให้น้ำแกงหอมน่ารับประทานยิ่งขึ้น


วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การบริหารนิ้วมือเพื่อบรรเทาโรค

บริหารนิ้วเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

ท่าที่ 1 Gyan Mudra

ให้ปลายนิ้วชี้ประกบปลายนิ้วหัวแม่มือ
ช่วยให้สมองทำงานดี ความจำดี 







ท่าที่ 2  Prithvi Mudra

ให้ปลายนิ้วนาง ประกบปลายนิ้วหัวแม่มือ
ทำให้ ผิวดี เพิ่มความแข็งแกร่ง ให้คนที่อ่อนเพลีย



วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อาหารหน้าหนาว

สำหรับ การรับประทานอาหารในช่วงฤดูหนาวเราควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อนและปรุง เสร็จใหม่ๆ ควรมีรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อย และรสเผ็ด เช่น แกงส้มดอกแค แกงขี้เหล็ก แกงป่า สะเดาน้ำปลาหวาน และน้ำพริก เพราะธรรมชาติจะปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพรในฤดูต่างๆ ก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ในฤดูหนาว มักจะมีสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น สะเดา ดอกแค ขี้เหล็ก

สะเดา มีรสขม เมื่อกินแล้วจะช่วยแก้ไข้ ทำให้เจริญอาหาร
ขี้เหล็ก มีสรรพคุณช่วยระบาย
ดอกแค แก้ไข้หัวลม

เราควรเลือกรับประทานผักพื้นบ้านที่มีอยู่ตามฤดูกาล ส่วนการเลือกเครื่องดื่มในช่วงหน้าหนาวนี้ ควรจะเป็นเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น น้ำขิง ชาสมุนไพร เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ แก้หวัด ซึ่งป้องกันการเป็นหวัดในช่วงนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย

อาบน้ำสมุนไพรหน้าหนาว

การอาบน้ำอุ่นในฤดูหนาวจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เพราะในฤดูหนาว คนส่วนใหญ่มักจะเป็นหวัด คัดจมูก และคันตามผิวหนัง ซึ่งหากนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการคันมาต้มอาบแทนน้ำเปล่า ก็จะช่วยบรรเทาอาการคันได้ดี

สมุนไพร ที่หาได้ง่าย ที่ควรนำมาต้มมีดังนี้

- ยอดผักบุ้ง จำนวน 5 ยอด ใช้รักษาอาการคัน
- ใบมะกรูด จำนวน 3-5 ใบ แก้วิงเวียน ช่วยให้หายใจสบาย
- ต้นตะไคร้ จำนวน 3 ต้น บำรุงธาตุไฟ
- หัวไพล จำนวน 2-3 หัว ลดอาการอักเสบ ปวด บวม
- ใบหนาด จำนวน 3-5 ใบ ช่วยบำรุง แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลือง
- หัวขมิ้นชัน จำนวน 2-3 หัว ช่วยสมานแผล แก้คันตามผิวหนัง
- การบูร จำนวน 15 กรัม ช่วยบำรุงหัวใจ
- หัวหอมแดง จำนวน 3-5 หัว แก้หวัดคัดจมูก

เพียงนำสมุนไพร ทั้งหมดมาต้มรวมกัน ผสมน้ำเย็นให้พออุ่น แล้วนำมาอาบ

สรรพคุณ
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
- ลดอาการคันตามผิวหนัง
- ช่วยให้หายใจโล่ง

แค่นี้ก็จะรู้สึกสบายตัว ไม่ต้องกังวลกับฤดูหนาวแล้วค่ะ

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินอาหารอะไรดีในช่วงน้ำท่วม

เภสัชกรหญิง (ภญ.) สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม และผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร นำเสนอเมนูกล้วยตาก โดยนำกล้วยน้ำว้าไปชุบน้ำเกลือ แล้วตากแดดจัดๆ แค่ 3 วัน เก็บไว้กินได้เป็นเดือน สารอาหารในกล้วยตาก ถือเป็นสุดยอดอาหารในช่วงน้ำท่วม มีครบทุกหมู่ ที่สำคัญคือ กินกล้วยแล้วช่วยให้อารมณ์ดี คลายเครียด


ภญ.สุภาภรณ์ หรือหมอต้อม บอกว่าบะหมี่สำเร็จรูปก็สามารถปรุงแบบประยุกต์ เพื่อให้ครบคุณค่าทางอาหาร และสู้กับภาวะหลายอย่างที่รุมเร้าระหว่างน้ำท่วมได้


"ถ้ายังพอมีเวลา หรือยังสามารถลุยน้ำออกมาซื้อของได้ อยากจะแนะนำว่า ให้พยายามหาเครื่องเทศจำพวก หอม กระเทียม ขมิ้น ใบกะเพรา และพริกไทย มาเก็บไว้ในครัว กินกระเทียมทำให้จิตใจฮึกเหิม ต้านอาการซึมเศร้า ปรับสมดุลสภาพจิตใจ ขมิ้น หรือขมิ้นชัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ขับลม พริกไทย ช่วยปรับสมดุลระบบประสาท มีเส้นใย ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ หัวหอม ทั้งหอมแดงและหอมหัวใหญ่ ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา คลายเครียด ลดอาการหดหู่


"เมนูประยุกต์ที่อยากแนะนำคือต้มบะหมี่สำเร็จรูปก็ลองใส่กระเทียมลงไปด้วยรสชาติจะดีขึ้นมาก เพิ่มความหอมมันให้บะหมี่และช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารขึ้นมากขึ้น ไข่และเนื้อสัตว์ก็ใส่ลงไป หรืออาจจะต้มบะหมี่แล้วใส่ขมิ้นชันลงไป ถ้าไม่มีขมิ้นสด ก็ใช้ขมิ้นชันแคปซูล แกะแคปซูลโรยผงขมิ้นชันลงไปกลายเป็นบะหมี่ต้มขมิ้น อร่อยดีนะ" ภญ.สุภาภรณ์บอก


คุณหมอต้อมบอกด้วยว่า อาหารที่มีรสเปรี้ยว จำพวกมะขาม มะม่วง มะนาว หรือกระทั่งน้ำส้มสายชู ถ้ามีก็ควรเติมลงไปในอาหารบางอย่างได้ เช่น ใส่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะรสเปรี้ยวช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้ชีวิต


"การกินแต่แป้งและน้ำตาลเพียงอย่างเดียว จะทำให้ก้าวร้าวแถมจิตใจหดหู่ การเติมเครื่องเทศจะช่วยปรับสมดุลร่างกาย ช่วยเพิ่มความต้านทานโรคที่อาจจะมากับน้ำท่วมบางโรคได้ดี" ภญ.สุภาภรณ์กล่าว


รู้แล้วว่ากินอย่างไรสู้น้ำท่วม ผู้ประสบภัยทั้งหลายพร้อมที่จะตั้งโต๊ะกินกันแล้วหรือยัง...

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 3 พ.ย. 2554

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อ่านค่าจากผลการตรวจเลือด

คนส่วนใหญ่เคยไปเจาะเลือดเพื่อตรวจร่างกายกันมาแล้วนะคะ แต่ผลของการตรวจเลือดนี่บอกอะไรเราได้บ้าง ลองดูค่าต่อไปนี้นะคะ เพื่อเราจะได้รักษาสุขภาพของเราให้ดียิ่งขึ้นค่ะ


A/G RATIO (Albumin/Globulin Ratio)
เป็นอัตราส่วนของโปรตีน 2 ชนิด คือ Albumin ต่อ Globulin ค่าที่ต่ำพบได้ในโรคที่เกี่ยวข้องกับตับ ไต และการติดเชื้อ ถ้าสูงเกินไปไม่มีความสำคัญมากนัก
Range: 0.8 - 2.0

ALBUMIN
เป็นรูปแบบของโปรตีนส่วนใหญ่ที่พบในเลือด ถูกสร้างโดยตับจากกรดอะมิโนที่ได้รับจากอาหาร ค่าที่ต่ำแสดงถึง ภาวะขาดอาหาร ท้องเสีย ไข้ ติดเชื้อ โรคตับ ขาดสารอาหารประเภทเหล็ก
Range: 3.2 - 5.0 g/dl

ALKALINE PHOSPHATASE
เป็นสารเอ็นไซม์ที่สร้างจากตับและกระดูก ค่าสูงขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะโรคของตับ หรือ กระดูก สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงมะเร็งได้ ค่าที่ต่ำกว่าปกติเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะขาดโปรตีน ขาดอาหาร ขาดวิตามิน  
Range: 20 - 125 U/L 

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ออยพูลลิ่ง (Oil Pulling) คืออะไร

ออยล์พูลลิ่ง (Oil Pulling) เป็นการบำบัดที่ทำได้ง่ายที่สุดแต่ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดา การรักษาทางธรรมชาติด้วยเช่นกัน สำหรับหลายๆคนมีความรู้สึกว่า แค่การอมและเคลื่อนน้ำมันไปทั่วๆปาก ไม่น่าจะช่วยรักษาโรคได้ อันที่จริงออยล์พูลลิ่งไม่ได้รักษาโรค แต่มันช่วยขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคหรือเป็นตัวการปล่อยสารพิษให้ หมดไป เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสได้ฟื้นฟู

ออยล์พูลลิ่งเป็นกระบวนการทางชีววิทยาล้วนๆ แบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดโรคร้ายหรือปล่อยสารพิษแก่ร่างกายนั้น แต่ละเซลล์ของมันจะปกคลุมด้วยน้ำมันหรือเนื้อเยื่อที่เป็นไขมันซึ่งเป็น เรื่องธรรมดาของผิวเซลล์ (เซลล์ของคนเราก็ล้อมรอบด้วยส่วนผสมของไขมันเช่นเดียวกัน) เมื่อคุณเทน้ำมันลงในน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำกับน้ำมันจะแยกกันอยู่ไม่ยอมผสมรวมกัน แต่ถ้าคุณเทน้ำมันสองชนิดเข้าด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำมันทั้งสองจะผสมรวมและดึงดูดซึ่งกันและกัน นี่คือความลับของออยล์พูลลิ่ง

เมื่อคุณ ใส่น้ำมันลงในปาก เนื้อเยื่อที่เป็นน้ำมันหรือไขมันของแบคทีเรียจะถูกน้ำมันดูดไว้ ขณะคุณเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปาก แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกของเหงือกและฟันหรือตามซอกของฟัน จะถูกดูดออกจากที่ซ่อนและติดแน่นอยูในส่วนผสมของน้ำมัน ยิ่งนานยิ่งมาก หลังจากผ่านไป 20 นาที ส่วนผสมของน้ำมันจะเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ คุณจึงควรบ้วนทิ้งไปมากกว่าที่จะกลืนมัน

คุณค่าของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

"คุณค่า Virgin Coconut Oil น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 100 %"
ปัจจุบัน ในแวดวงผู้ที่สนใจดูแลรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ กำลังให้ความสนใจนำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติในการดูแลรักษาทนุถนอมผิวพรรณแทนการใช้เครื่อง สำอางบำรุงผิวต่างๆแต่น้ำมันมะพร้าวที่จะนำมาใช้ ควรเป็นน้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธิ์ สกัดโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น สี สารอาหารที่สำคัญต่างๆรวมทั้งคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื่น และการต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยทนุถนอมผิวหนังให้เต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นลบรอยแผลเป็น รอยหมองคล้ำ นอกจากจะนำมาใช้ในการทาผิวพรรณ เพื่อปกป้องผิวพรรณจากแสงแดดและภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว ยังใช้ลูบไล้เส้นผมช่วยให้ผมเป็นมันวาว และช่วยถนอมหนังศีรษะ

ในทางหลักของอายุรเวทแนะนำให้นวดตัวด้วยน้ำมันมะพร้าวก็ ช่วยปรับสภาพผิวหนัง กระตุ้นการทำงานของระบบหมุนเวียน และระบบประสาท ช่วยคงความอ่อนเยาว์ของผิวหนัง เนื้อเยื่อ และกระดูก แต่น้ำมันที่ใช้ต้องเป็นน้ำมันที่สกัดโดยไม่ใช้ความร้อน และไม่ใช้สารเคมี น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ยังเป็นสารตั้งต้นคุณภาพดีที่ใช้ในการผลิต ครีม โลชั่นบำรุงผิว สบู่ ครีมอาบน้ำ ซึ่งทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีคุณภาพระดับสูง

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว





น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ใดๆเจือปน โดยเฉพาะสารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งมักจะมีเจือปนอยู่ในน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวในสภาพที่สกัดได้ตามธรรมชาติทันที โดยไม่ต้องทำให้บริสุทธิ์ ฟอกสี และกำจัดกลิ่น ดังเช่นน้ำมันพืชอื่นๆ จึงปลอดภัยจากอันตรายของสารเคมี น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติที่ดีเด่นที่ไม่มีในน้ำมันพืชอื่นใดในโลก ดังต่อไปนี้


คุณสมบัติน้ำมันมะพร้าว  


1.เป็นกรดไขมันอิ่มตัว น้ำมันมะพร้าว ประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว ประมาณ 92% เป็นน้ำมันที่ไม่ถูกเติมด้วยออกซิเจน และไฮโดรเจน ซึ่งก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ และไขมันทรานส์ ในขณะที่น้ำมันอื่น ๆ (ยกเว้นน้ำมันหมู และน้ำมันปาลม์) เป็นน้ำมันไม่อิ่มตัว  จึงเกิดอนุมูลอิสระ และไขมันทรานส์ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาการของมะเร็งชนิดต่างๆ

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิด ต่างๆ

1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้

2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการ ปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง

5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำ หนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มี อาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำ หรือ เป็นเวลานาน

10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก อาการ มีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้น ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คน จะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียก ว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ ซึ่ง มีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษ ทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma ) คือ เนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ

สมุนไพรรักษามะเร็ง 
  • เห็ดหลินจือ
  • หญ้าปักกิ่ง
  • มะขามป้อม
  • ปัญจขันธ์
  • กระเจี๊ยบเขียว
  • มะรุม


อันตรายจากขวดน้ำพลาสติก

ขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่มที่ขาย ๆ กันตามห้างสรรพสินค้า รวมทั้งที่ไปเติมน้ำมันครบ 800 แถมน้ำ 1 ขวด อะไรทำนองนั้น ปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้ว ครั้งเล่าโดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีกรวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้วควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า

ปัจจุบัน เห็นหลายครอบครัวนำขวดน้ำอัดลมหรือขวดน้ำเปล่า ที่ทำจากพลาสติกมากรอกน้ำแช่ตู้เย็นเอาไว้ดื่มซ้ำแล้วซ้ำอีก จาก ข้อมูลที่ส่งต่อกันทางอินเทอร์เน็ตบ้างก็ว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง บางก็ว่าไม่เป็นอันตรายอะไรหรอก เพราะหลายสถาบันในต่างประเทศก็ออกมาการันตีว่ามีความปลอดภัย ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี

นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ อธิบาย ว่า  

ขวดน้ำพลาสติกใช้แล้วใช้อีกอันตรายจริง โดยเฉพาะขวดน้ำพลาสติกแบบ โพลีคาร์บอเนต เมื่อโดนเย็นจัดหรือร้อนจี๋หรือการขบกัดขูดขีดกระแทก จะทำให้มีสารก่อมะเร็งกลุ่ม BPA (Bis-phenol A) ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบใน บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ทำมาจากพลาสติกออกมา ซึ่งจากงานวิจัยของฮาร์วาร์ดพบว่าเพียง 3-4 ส่วนในล้านส่วนก็ก่อมะเร็งในหนูทดลองได้ ที่ซุปเปอร์มาร์เกตในแคนาดาจึงออกกฎเตือนว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องปิดฉลาก เตือนไว้และถ้าเป็นเครื่องบริโภคบางอย่างถึงขนาดห้ามใช้พลาส ติกเลยทีเดียว

แต่ที่ทางการบ้านเรายังไม่ตื่นเต้นก็เพราะว่า ยังเป็นผลการวิจัยว่าเกิดมะเร็งในระดับสัตว์ทดลองและมีปริมาณสารพิษไม่มาก แต่อย่าลืมว่าถ้าเลี่ยง ๆ ไว้ก่อนได้ก็จะดีกว่ารออีก 10 ปีมีงานวิจัยออกมาบอกว่าคนก็เป็นมะเร็งได้ซึ่งไม่มีประโยชน์เสียแล้ว และอย่าลืมอีกข้อที่สำคัญคือถึงแม้มี BPA ปริมาณน้อยจากขวดพลาสติก แต่อย่าลืมว่าวันหนึ่งเราดื่มน้ำจากขวดพลาสติกกันหลายรอบทีเดียว เวลาเบรกจากประชุมหรือสัมมนาแต่ละทีก็ดื่มกันอึกอัก ไปแวะกินข้าว ก่อนกลับบ้านก็ดื่มอีกขวดหนึ่ง วันหนึ่ง 3-4 รอบบ่อย ๆ เข้าก็มี BPA สะสมได้นะ

ทั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้ตื่นตระหนกจนห้ามใช้พลาสติก เพียงแต่ให้ตระหนักไว้ก่อน และพยายามลดการใช้ไว้ก่อนจะดีกว่า

วิธีหนีให้ไกลมัจจุราชเงียบในพลาสติก คือ

1. ใช้ขวดแก้วแทนขวดพลาสติก
2. ใช้จานชามกระเบื้องหรือหม้อกระเบื้องเคลือบแทน
3. รณรงค์ให้ใช้วัสดุอินทรีย์แทนพลาส ติก เช่น ใบตอง ห่อผัดไทยใช้เชือกกล้วยผูกหิ้ว
4. ขวดน้ำพลาสติกอย่าทิ้งไว้ในรถหรืออย่านำกลับมาใช้ใหม่
5. อย่าใช้ความร้อนสูงหรือใช้ความเย็นจัดกับภาชนะพลาส ติก เช่นเอาไปใส่ ในไมโครเวฟหรือใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง
6. อย่าให้ภาชนะ กระทบกระแทก หรือ ขูดขีดมาก ระวังไม่ให้เด็กอมขวดหรือกัดพลาสติกเล่น
7. ในแต่ละวันจำกัดการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกไว้ไม่ให้มากเกินไป ไม่ใช่ประชุมกัน 4 รอบก็กินเบรกแกล้มกับดื่มน้ำขวดพลาสติกทุกครั้ง อาจใช้แก้วกาแฟรองน้ำเปล่าดื่มบ้างก็ได้

นี่เป็นบทความของ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ นะคะ ยังไม่มีการรับรองผลการวิจัยต่อมนุษย์ แต่ระวังไว้ก็ดีค่ะ

รายชื่อศูนย์ไตเทียม ฟอกไตฟรี

มูลนิธิราษฎร์มังกรนุเคราะห์ 
กรุงเทพฯ
โทร. 02-4374067

บริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด 

กรุงเทพฯ
โทร.02-262 9454-5

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาหารบำรุงผิว

อาหาร คือสารบำรุงผิวที่ดีที่สุด เพราะอาหารช่วยให้ผิวพรรณสดชื่น เปล่งปลั่ง และดูอ่อนวัยได้ เนื่องจากอาหารที่ดีกับสุขภาพ จะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและช่วยขับพิษออกจากร่างกาย อาหารที่ช่วยให้ผิวสวยสดใส ลดเลือนริ้วรอยได้ แถมจ่ายไม่แพงมีหลายชนิดที่สามารถหาทานได้ใกล้ตัว เช่น

เนื้อปลา เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อาหารบำรุงสายตา

อาหารที่บำรุงสายตาแหล่งอาหารได้มาจากวิตามิน A มากซึ่งเราจะพบได้ในผลิตผลจากสัตว์เช่น ตับ, ไข่แดง, นม, น้ำมันสกัดจากตับ ปลา หรือพืชที่มีสารสีเขียวจัด สีแสด สีเหลือง เช่น ผักบุ้ง, มะละกอ, ฟักทอง, ผักตำลึง, บล็อคโคลี่, แครอท, มะม่วงและอีกมากมาย

ความต้องการของร่างกายใน 1 วันไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มีความต้องการวิตามิน A ไม่ว่าจากพืชหรือสัตว์

เด็ก • ต้องการอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาเช่น ตับไก่, ตับหมู, แครอท, ฟักทอง, ไข่แดง, ผักตำลึง, ผักโขม, ปูทะเล, ผักคะน้าและเนย

ผู้ใหญ่ • ความต้องการอาหารที่ช่วยบำรุงสาย ตา เช่น ใบยอ, ตับไก่, ใบแมงลัก, ตับวัว, ใบโหระพา, ใบบัวบก, ผักชะอม, ผักกระถิน, พริกขี้หนู, มะม่วงสุก, ผักบุ้ง, มะละกอ

ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่โดยเฉพาะอาหารต่อไปนี้

ข้าวซ้อมมือ, ปลา, ตับ, เนื้อไก่, ผักสดและ ผลไม้ และรวมทั้งวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นในการรักษาดวงตา

วิธีถนอมสายตา

วิธีถนอมสายตานี้น่าสนใจดีโดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวัน เป็นวิธีถนอมดวงตาคิดค้นขึ้นโดยจักษุแพทย์ ชาวอเมริกัน ชื่อว่านายแพทย์ วิลเลียม เอช. เบตส์ (ค.ศ. 1860-1931)

วันหนึ่งนายแพทย์เบตส์กลับจากทำงานด้วยดวงตาอันอ่อนล้า เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานในห้องที่ยังไม่ได้เปิดไฟ วางข้อศอกทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ โค้งอุ้งมือทั้งสองวางครอบดวงตาของตน หลับตาพักผ่อนในท่านั้นอยู่สิบนาที พอลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งเขารู้สึกว่าอาการปวดเมื่อยดวงตาหายไป แถมมองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้องชัดเจนขึ้นกว่าเก่าอีกด้วย จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวนายแพทย์เบตส์ได้ค้นคิดวิธีการฝึกสายตาอย่างธรรมชาติ เพื่อพักผ่อนกล้ามเนื้อตาและช่วยรักษาสายตาให้ดีขึ้น นายแพทย์เบตส์เขียนหนังสือชื่อ Perfect Sight without Glasses เป็นที่นิยมแพร่หลาย แม้ภายหลังเขาเสียชีวิต แต่วิธีการของนายแพทย์เบตส์ยังได้รับการเผยแพร่โดยแพทย์ทั้งหลายทั่วยุโรปและอเมริกา "วิธีของเบตส์" มี 7 ท่าด้วยกัน

โปร่งฟ้า

โปร่งฟ้า สรรพคุณเหลือล้น คุณภาพเหลือหลาย


โปร่งฟ้า เป็นชื่อของไม้สองชนิด (มีชื่อพ้องกัน)
- โปร่งฟ้า ชนิดหนึ่ง เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง มีชื่อเรียกอีกอย่างคือ จามจุรีแผง หรือ สามสิบจีน ใบเป็นเส้นเล็กๆ สอดประสานกันดังตาข่ายถ้ามองจากด้านล่างจะสามารถมองทะลุใบขึ้นไปเห็นท้องฟ้าได้เค้าจึงได้ชื่อว่าโปร่งฟ้า เนื่องจากใบสวยจึงนิยมนำมาประดับทำเป็นช่อดอกไม้
- ส่วน โปร่งฟ้า อีกชนิดหนึ่ง เป็นไม้ทรงพุ่มสูงประมาณ 2-4 ฟุต ใบรูปไข่ปลายแหลมเป็นช่อคล้ายใบแก้วแต่ใหญ่กว่า มีต่อมน้ำมันกระจายทั่วทั้งใบส่องดูจะมองเห็นเป็นจุดทั้งใบ เนื่องจากมีต่อมน้ำมันหอมระเหยอยู่ เช่นเดียวกับพวกใบส้ม ใบมะกรูด ซึ่งเมื่อนำมาต้มน้ำแล้วดื่มหรือสูดกลิ่นเข้าไปจะทำให้รู้สึกสมองโล่งปลอดโปร่ง มีดอกสีขาวคล้ายดอกสะเดามีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกที่ปลายกิ่ง เกิดตามป่าโปร่งที่แห้งแล้ง หรือป่าละเมาะทั่วประเทศไทย

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีทำให้กระจกใสปิ๊ง

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อาจทำให้กระจกสกปรกได้ วันนี้มีเคล็ดลับการเช็ดกระจกให้สะอาดหลากหลายวิธีมาฝากค่ะ

1. เอาน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำอย่างละ 1 ส่วน จากนั้นนำผ้ามาชุบแล้วนำไปเช็ดกระจก แต่ถ้าบ้านไหนมีกระบอกฉีดน้ำ อาจเทน้ำยาเช็ดกระจกที่ผสมขึ้นมาใส่กระบอกฉีด แล้วค่อยใช้ผ้าเช็ดตามก็สะดวกไปอีกแบบ ระหว่างเช็ดถู หากเกิดคราบจากน้ำที่เช็ด ให้เช็ดคราบออกก่อนด้วยแอลกอฮอล์ แล้วค่อยเช็ดซ้ำอีกที รับรองใสกิ๊ก!

2. แอมโมเนียหรือเรียกอีกอย่างว่า "เยี่ยวอูฐ" หยดลง 2-3 หยด ผสมกับในน้ำครึ่งถัง ใช้ล้างกระจกเงาและกระจกหน้าต่าง จะเป็นเงางามไม่สกปรกง่าย
นำเกลือผสมกับน้ำ คนให้ละลาย ใช้ล้างสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนจากกระจกได้ง่าย

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผักเซียงดา

ผักเชียงดา เป็นผักที่ขึ้นในป่าแถบภาคเหนือของไทย แต่ผักเชียงดาที่ขึ้นในป่ามักจะมีรสขมกว่า ใบใหญ่กว่าและสีของใบสีจะเข้มน้อยกว่าพันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกเป็นผักกินกัน ผักเชียงดายังพบในอินเดีย จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย ศรีลังกา เวียดนาม แอฟริกา ภาษาฮินดูเรียกผักเชียงดาว่า “Gurmar” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “ผู้ฆ่าน้ำตาล”

สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน

เบาหวาน คือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องมาจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้ได้ตามปกติ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่ตับอ่อนปล่อยฮอร์โมนที่เรียกว่า “อินซูลิน” ออกมาไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เรื้อรัง สามารถรักษาได้แต่ไม่หายขาด ทั้งนี้เกิดจากสาเหตุหลายๆอย่างทั้งจากกรรมพันธุ์ และอาหารการกิน

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ฮว่านง็อก

ฮวานง็อก (ภาษาเวียดนาม : Xuân hoa) พืชจำพวกไม้พุ่มชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในป่าประเทศเวียดนามตอนเหนือ เป็นพืชใบเดี่ยวสีเขียวเรียวแหลมเรียงตรงข้าม ลำต้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม เปลือกต้นผิวเรียบสีเขียว ดอกเป็นช่อสีชมพู น้ำเงินม่วงหรือเกือบดำ สูงเต็มที่ได้ 1-3 เมตร สามารถขึ้นได้ดีทั้งในที่ร่มและที่แจ้ง

ฮวานง็อก มีชื่อเรียกในภาษาไทยว่า พญาวานร หรือ ต้นลิงง้อ ทั้งนี้มีความเชื่อของคนพื้นบ้านว่า เมื่อลิงตัวเมียคลอดลูก ลิงตัวผู้จะเด็ดใบฮวานง็อกมาให้ลิงตัวเมียกิน ช่วยให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้น

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

น้ำใบย่านาง "หมื่นปีไม่แก่"

วิีธีทำ

1. ซื้อใบย่านางจากตลาด แล้วก็เอามาล้างดินออก เด็ด เลือกใบสวยๆ มาจากเถาของย่านาง

2. เอามาล้างทีละใบอย่างหมดจด แล้วก็เอามาแช่น้ำอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจว่าสะอาด

ใบย่านาง

ย่านางเป็นพืชสมุนไพรที่มีความโดดเด่นด้านการดับพิษและลดไข้ หมอแผนไทยจะใช้รากย่านางเข้าตำรับยาแก้ไข้ในตำรับยา 5 ราก (ประกอบด้วย รากย่านาง รากชิงชี่ รากท้าวยายหม่อม รากคนทา รากมะเดื่อชุมพร) หรือเบญจโลกวิเชียร หรือแก้วห้าดวง ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรับยาแก้ไข้ ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม

ย่านางเป็น พืชสมุนไพรที่ใช้เป็นอาหารและเป็นยามาตั้งแต่โบราณ หมอยาโบราณภาคอีสาน เรียกชื่อยาของย่านางว่า “หมื่นปีไม่แก่”

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไข่เยี่ยวม้าผัดกระเพรา

เครื่องปรุง
  • ไข่เยี่ยวม้า 3 ฟอง
  • หมูสับ 100 กรัม
  • ใบกะเพรา 1 1/2 ถ้วยตวง
  • พริกขี้หนู สับ 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียม สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ้วดำ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไข่เยี่ยวม้า

ไข่เยี่ยวม้า มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Century Egg ไข่เยี่ยวม้าเป็นอาหารหมัก ชนิดหนึ่งซึ่งค่อนข้างเป็นด่าง (alkaline food) เป็นอาหารที่มี ชื่อเสียงของจีนมาแต่โบราณ วัง โอโซโท เป็นนักค้นคว้าเกี่ยวกับ การทำไข่เยี่ยวม้า สันนิษฐานว่า ไข่เยี่ยวม้ามีกำเนิดมาจากทางภาคใต้ ของจีน และแพร่หลายขึ้นมาทาง ภาคเหนือ บางคนว่าไข่เยี่ยวม้ามี กำเนิดมาจากบริเวณแม่น้ำยงสี โดยมีผู้คิดเก็บไข่สดดองไว้เพื่อไม่ ให้เสีย เช่นไข่เค็มและได้ค้นหาวิธีดองไข่วิธีอื่นจนค้นพบวิธีการทำไข่เยี่ยวม้า

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แก้อาการแสบร้อนมือหลังหั่นพริก

1. ล้างพริกไม่ให้แสบมือ
      ด้วยการนำพริกไปล้างในน้ำผลไม้ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำธรรมดา แล้วนำมาหั่นปรุงอาหาร จะทำให้คุณไม่แสบร้อนมือ

2. ลดอาการแสบร้อนมือหลังหั่นพริก 
      เมื่อหั่นพริกแล้วเกิดอาการแสบร้อนมือ มีวิธีแก้เรื่องนี้มาฝากค่ะ

เคล็ดลับการทำอาหาร (2)

1. การใช้กระเทียมปรุงอาหาร 
      การทุบกระเทียมเพื่อใช้ปรุงอาหาร ควรทุบแบบติดเปลือก เพราะจะมีกลิ่นหอม ส่วนกระเทียมเจียวควรปลอกเปลือกออกให้หมด กระเทียมเจียวจะมีสีเหลืองเสมอกัน น่ารับประทาน

2. ผัดผักให้สุกอร่อย
      การผัดผักให้สุกโดยทั่วกัน ควรเอามีดเฉือนผ่ากลางก้านที่ใหญ่หรือดอก เพื่อให้ความร้อนเข้าถึงเนื้อในได้เร็วขึ้น และควรผัดไฟแรงๆ ผักจะกรอบอร่อย

3. การคั้นน้ำมะนาวไม่มีเมล็ด
     ในการคั้นน้ำมะนาวที่ไม่มีเมล็ด สีของน้ำมะนาวจะขุ่น ควรห่อด้วยผ้าขาวบางก่อนจะคั้น จะได้น้ำมะนาวที่ใสขึ้น

เคล็ดลับการทำความสะอาดเครื่องครัว

1. การล้างตู้เย็น
จะล้างตู้เย็นให้สะอาดให้ใช้โซดาคาร์บอเนต ( โซดาทำขนม หรือ เบ้กกิ้งโซดา ) 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในน้ำประมาณ 1 ลิตร หรือ 4 ถ้วย แล้วล้างออก กลิ่นเหม็นจะหมดไป

2. ล้างจานหรืออ่างที่เป็นสแตนเลส

อ่างล้างจานหรือตู้เก็บถ้วยจานที่เป็นสแตนเลสให้ใช้แอลกอฮฮล์หรือยาสีฟัน ทา แล้วจึงขัดออก ทำความสะอาดด้วยน้ำอีกครั้ง เช็ดด้วยผ้านุ่มๆให้แห้ง

3.ล้างขวดแก้ว
ขวดแก้วที่หมองขุ่น ใส่ทรายลงไปเล็กน้อยเติมน้ำอย่าให้เต็ม เขย่าแรงๆ แล้วจึง เทออก ล้างด้วยน้ำผสมผงซักฟอก แล้วจึงล้างให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า ขวดจะใส

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

สมุนไพรคลายเครียด

อากาศร้อน เศรษฐกิจแย่ ลูกใกล้เปิดเทอม ล้วนเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความเครียด วันนี้เรามีสมุนไพรคลายเครียดมาแนะนำกันค่ะ สมุนไพรคลายเครียดเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูงและหากินได้ไม่ยาก มีอยู่ทั่วไปในบ้านเมืองไทย

เริ่มต้นจากสมุนไพรใกล้ตัวเรา ดังนี้

1. ขี้เหล็ก

หลายคนคงเคยกินแกงขี้เหล็ก เมนูเด็ดที่มีรสชาติกลมกล่อมหวานมันซ่อนขมเล็กน้อย ซึ่งรสขมๆของขี้เหล็กนั้นช่วยทำให้เจริญอาหาร มีการศึกษาพบว่า ใบอ่อนและดอกตูมของขี้เหล็กมีสารที่ชื่อว่า แอนไฮโดรบาราคอล (Anhydrobarakol) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยคลายเครียด และมีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อนๆอีกด้วย



เรามีวิธีนำขี้เหล็ก มาปรุงเป็น ยาสมุนไพรคลายเครียด 2 สูตร ดังนี้

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ถั่งเช่า



ถั่งเช่า ( ถั่งเฉ้า ) หรือ ตังถั่งแห่เช่า หรือ ตังถั่งเช่า เป็นยาสมุนไพรที่แพร่หลายมากในประเทศจีนและเป็นที่รู้จักอย่างดีในหมู่ชาวเอเชีย มีสรรพคุณเป็นยาช่วยบำรุงร่างกาย

สมุนไพรถั่งเช่า เป็นสมุนไพรจีนธาตุอุ่น ให้กลิ่นหอม ไร้พิษ มีรสขมอมหวาน บำรุงปอดและบำรุงไต บำรุงกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงได้ทั้งธาตุหยิน-หยาง และเสริมสมรรถภาพทางเพศสำหรับเพศชาย ถั่งเช่า จึงได้ฉายาอีกอย่างว่า สมุนไพรบำบัดอาการอ่อนเพลียร้อยชนิด

ปีบ


สรรพคุณ

เป็นพืชที่นำมาใช้ในการรักษาโรคได้หลายชนิด ในตำรายาไทย เช่น
  • ราก - บำรุงปอด รักษาวัณโรค อาการหอบหืด
  • ดอก - ใช้รักษาอาการหอบหืด ไซนัสอักเสบ เพิ่มการหลั่งน้ำดี (cholagogue) เพิ่มรสชาติ นำดอกปีบแห้ง ผสมยาสูบมามวนเป็นบุหรี่ สำหรับสูบสูด เพื่อรักษาอาการหอบหืด
  • ใบ - ใช้มวนบุหรี่สูบแทนฝิ่น ขยายหลอดลม ใช้รักษาอาการหอบหืดได้เช่นกัน

ขมิ้นชัน


สรรพคุณ
  • มีวิตามิน A, C, E เมื่อข้าสู่ร่างกายจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว มีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ
  • สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • ทำความสะอาดให้ลำไส้
  • เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ
  • ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ
  • สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง
  • กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง
  • ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี
  • รักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศรีษะ
  • รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ

ไพล

สรรพคุณ

เหง้า
  • เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม
  • แก้บิด ท้องเดิน ขับประจำเดือนสตรี ทาแก้ฟกบวม แก้ผื่นคัน
  • เป็นยารักษาหืด
  • เป็นยากันเล็บถอด
  • ใช้ต้มน้ำอาบหลังคลอด

สมุนไพรรักษาโรคหอบหืด

โรคหอบหืด (Asthma) เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากหลอดลมมีความไวที่ผิดปกติต่อสิ่งที่มากระตุ้นหลอดลม ทำให้เกิดการตีบตันของหลอดลม อาการหืดหอบมักเกิดในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืด มีสาเหตุจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคหอบหืดเช่น สารก่อภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ การได้รับผลจากยาบางชนิด การแพ้อาหาร ได้รับสารระคายเคือง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เช่น โกรธ เครียด ดีใจ

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำตัวอย่างไรให้ชีวิตเป็นสุข

ลายแทงแห่งความสุข

ในช่วงเช้าของวันพระ ซึ่งเป็นวันหยุด และอากาศเย็น ชื้น เช่นนี้ ขอนำโอวาทของท่าน ว.วชิรเมธี มาฝากทุกท่าน เพื่อเป็นแนวทางในการทำตัวอย่างไร ให้ชีวิตมีสุข ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำได้ง่ายมาก ทุกท่านสามารถทำได้

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

น้ำสมุนไพร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ร้อนนี้เราขอนำเสนอ 6 น้ำสมุนไพร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แถมยังคลายร้อน แก้การกระหายน้ำได้ดีอีกด้วย รูปร่างหน้าตาและสีสัน ชวนให้ดื่มอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับน้ำสมุนไพรแบบดั้งเดิม

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปรุงยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศด้วยตนเอง

ใครที่มีปัญหา sex เสื่อม หรืออาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำหรับคุณๆ อีกต่อไป เพราะวันนี้เราได้ไปค้นหาสูตรยาที่สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ที่ปรุงได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง มาฝากกันค่ะ

ไม่ใช่สูตรยาประเภท ไวอากง ไวอากร้า ที่ไหนหรอกนะคะ นั่นน่ะมันเสี่ยงเกินไป แต่เป็นสูตรประเภทสมุนไพรแบบไทยๆ ของเรานี่เองแหละมีหลายๆ สูตรเลย ใครอยากลองสูตรไหนก็เลือกพิจารณาดูเองนะคะ ถ้าใครลองแล้วได้ผล หรือไม่ได้ผลยังไงก็กลับมาบอกกันบ้างนะคะ แต่ที่แน่ๆ สูตรต่างๆ พวกนี้ถึงอย่างไรก็ไม่มีผลเสียต่อร่างกายแน่นอนค่ะ เพราะทุกอย่างทำจากสมุนไพรล้วนๆ

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปัญจขันธ์ หรือ เจียวกู่หลาน

ปัญจขันธ์  มีชื่อจีนว่า เจียวกู่หลาน หรือเซียนเฉา ( สมุนไพรอมตะ ) มีชื่อญี่ปุ่นว่า  อะมาซาซูรู (ชาหวานจากเถา ) มีชื่ออังกฤษว่า Miracle grass, Southern ginseng หรือ 5-Leaf ginseng (โสม 5 ใบ)



สรรพคุณ

สมุนไพรปัญจขันธ์หรือเจียวกู่หลาน  มีสรรพคุณใช้บำรุงร่างกาย ระงับประสาท ช่วยให้นอนหลับ ลดความตื่นเต้น ลดความดันในโลหิต ลดคอเลสเตอรอล และกรดไขมันอิสระ ลดน้ำตาลในเลือด ชะลอความชรา ยืดอายุของเซลล์เพิ่มจำนวนอสุจิ รักษาโรคปวดหัวข้างเดียว ช่วยควบคุมน้ำหนัก ได้โดยไม่ต้องอดอาหาร และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการควบคุมการเจริญของเซลล์มะเร็ง และสามารถควบคุมการแพร่การเจริญของเซลล์มะเร็งเองได้ รวมทั้งสามารถยับยั้งการทำงานของเชื้อ HIV

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หญ้าปักกิ่ง


หญ้าปักกิ่ง หรือ หญ้าเทวดา เป็นสมุนไพรรักษาโรคครอบจักรวาล ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นสมุนไพรรักษาโรคมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ใช้บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลย์ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน Activate Cells

ในภาษาจีน เรียกว่า "เล้งจือเช่า" ลักษณะคล้ายหญ้ามาเลเซีย ลำต้นหญ้าปักกิ่ง มีสารกลุ่ม กลัยโคสพิงโกไลบิตส์ (G1b) เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการฉายแสงในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง

สรรพคุณ
หญ้าปักกิ่ง ไม่มีพิษสะสมต่ออวัยวะอื่น และได้สรรพคุณทางเคมีเภสัชว่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงในระยะอ่อน-ปานกลาง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่

มะขามป้อม

มะขามป้อม เป็นสมุนไพรที่คนอินเดียใช้มาเป็นพันๆ ปี ในฐานะเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงสายตา บำรุงสมอง ซึ่งคนอินเดียเรียกมะขามป้อมว่า Amla หรือ Amalaka แปลว่า พยาบาล หรือ แม่ ซึ่งสะท้อน สรรพคุณทางยาอันมากมายของมะขามป้อมได้เป็นอย่างดี

ผลมะขามป้อม มีวิตามินซีสูงมากที่สุดในบรรดาพืชทุกชนิดที่มีในโลก ในผลมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นาน ไม่สลายตัวในความร้อนได้ง่าย

ผลมะขามป้อมมีสารในกลุ่ม แทนนินชื่อว่า emblicanins A และ B ที่มีฤทธิ์เป็นเช่นเดียวกับวิตามินซี แต่มีฤทธิ์แรงกว่าแต่ทนความร้อนและไม่สลายตัวง่ายเช่นเดียวกับวิตามินซี สารดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษโลหะหนัก รักษาโรคลักปิดลักเปิด ทั้งยังช่วยเสริมฤทธิ์วิตามินซีอีกด้วย  ดังนั้น ท่านจึงไม่ต้องกังวลว่า การกินมะขามป้อมแปรรูปหรือมะขามป้อมแห้งจะไม่ได้ประโยชน์

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สมุนไพรรักษามะเร็ง

มะเร็ง คือ เซลล์เนื้อร้ายที่เจริญเติบโตผิดปกติ แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ดีที่อยู่โดยรอบ เมื่อเข้าไปในเส้นเลือดและน้ำเหลือง แล้วจะกระจายไปในอวัยวะต่างๆ ทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะนั้นเสื่อมไป

สาเหตุของโรคมะเร็งเกิดได้ 3 ทาง คือ
  1. เกิดจากจากทางพันธุกรรม
  2. เกิดจากการได้รับสารก่อมะเร็ง เช่น สารเคมี รังสี ไวรัส สารพิษจากสิ่งแวดล้อม
  3. เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมและการโภชนาที่มากไป น้อยไม่ ไม่พอดี
เมื่อสารก่อมะเร็งเข้าไปในร่างกายจะไปจับยีนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น เกิดการกลายพันธุ์ หรือกระตุ้นยีนมะเร็งให้แสดงออกมากขึ้น โดยให้เซลล์ปกติเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งแล้วแบ่งตัวไปเรื่อยๆ ไม่หยุด จนเป็นก้อนมะเร็งใหญ่

โรคมะเร็งป้องกันได้

ร่างกายคนเรามีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น แต่เราชนะไม่ป่วยเป็นมะเร็งได้เพราะ ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งด้วยระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้ ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลายด้วยวิธีต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ได้แก่ การกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ อาหารไม่สะอาดเต็มไปด้วยสารพิษ สารก่อมะเร็ง การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ และการไม่ออกกำลังกาย

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

วิธีต่อสู้กับมะเร็ง

เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ ผู้เขียนได้รับมาจาก forward mail เห็นว่ามีประโยชน์ และตรงกับที่คุณหมอหลายๆ คนเคยแนะนำให้ทำ อีกทั้งมีที่ตั้งและหมายเลขโทรศัพท์ให้ติดต่อได้ จึงนำมาลงไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อท่านใดกำลังประสบปัญหาเรื่องโรคมะเร็งอยู่จะได้แนวทางในการรักษา เรื่องมีอยู่ว่า...

พ่อเลี้ยงวรรณ พิมพนิช เจ้าของรวมเกษตรฟาร์ม มาบรรยายวิธีรักษามะเร็งเมื่อเดือนที่แล้ว ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟัง ดังนี้

พ่อเลี้ยงวรรณ อายุ 60 ปี เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่กระดูกสันหลัง คุณหมอทั้งไทยและเยอรมัน ไม่รับรองว่าจะรักษาหาย จึงไปทำการรักษาที่เกาหลีเหนือ เป็นเวลา 1 เดือน ก็หายจากโรค กลับมาเมืองไทย จึงตั้งเป็นมูลนิธิวรรณ รับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ฟรี! ปัจจุบันมีผู้รับการรักษา 2000 กว่าคน ณ อ.แม่สอด ห่างจาก จว.ตาก 100 กม.

วิธีการรักษามะเร็งแบบธรรมชาติง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้

1. จิตใจ ต้องสู้

2. อาหารงดเว้นเนื้อสัตว์ แล้วหันมารับประทานอาหารที่มะเร็งไม่รับประทาน 15 ชนิด ได้แก่
  • ธัญพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง, ข้าวม้ง, ข้าวบาเล่ย์, ข้าวสาลี, และลูกเดือย นำมาหุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า
  • ผักผลไม้ 10 ชนิด ได้แก่ หอมหัวใหญ่, มันฝรั่ง หรือมันเทศ, กล้วยน้ำว้ำสุก (8 ลูก/วัน), ฟักทอง, ข้าวโพดหวาน ,ยอดแค, ถั่วพู(2 ชนิดนี้ห้ามขาด),บลอคโคลี่หรือกะหล่ำดอก, ถั่วหวาน และคะน้าฮ่องกง (ผักผลไม้ 5 ชนิดแรกใช้นึ่ง)นำทั้ง 10 ชนิด หั่นเป็นชิ้นๆ นำมาเข้าเครื่องปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้กระเพาะอาหารทำหน้าที่ย่อย จากนั้นนำมารับประทานหนัก 1 กก./วันกับธัญพืช
3. อาบน้ำร้อนสลับเย็นหรือเย็นสลับร้อนอย่างละ 2 นาที รวมเวลา 10 นาที 1 ครั้ง/วัน
เตรียมน้ำร้อนโดยใช้เครื่องทำน้ำร้อน เตรียมน้ำเย็นโดยหาถังน้ำใส่น้ำแข็ง แล้วอาบร้อนจัดและเย็นจัดเท่าที่ร่างกายทนได้ ภูมิต้านทานโรคทั้งสิ้น 2 จำพวก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

4. การออกกำลังกาย เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 45 นาที/ วัน

ง่ายไหมครับ ถ้าเพื่อนสนใจ สามารถเขียนจดหมายติดต่อ ขอรับธัญพืชปลอดสารพิษจากไร่ อ.แม่สอด ตามสถานที่ข้างล่างนี้

พ่อเลี้ยงวรรณ "มูลนิธิวรรณ"
เลขที่ 3/681 ประชานิเวศน์
ถ.เทศบาลนิมิตเหนือ
ลาดยาว จตุจักร กทม.

เบอร์โทรศัพท์ 02-1580658
มือถือ 086-7886222

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

มะเร็ง กับ AHCC

มะเร็ง กับ AHCC อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ป่วยมะเร็งและไวรัสตับอักเสบ

เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตมนุษยชาติเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก การวิจัย ค้นคว้า ทดลอง เพื่อให้ได้มาซึ่งยา อาหาร สมุนไพรเพื่อเยียวยาผู้ป่วยมะเร็งจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

การค้นพบสารสกัด AHCC เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ทางเลือกในญี่ปุ่นใช้กับผู้ป่วยมะเร็งอย่างแพร่หลายนับแสนคน

AHCC ( Active Hexose Correlated Compound ) จะช่วยต่อสู้กับมะเร็งร้ายได้อย่างไร

เรามักจะพบว่า ผู้ที่มีประวัติของครอบครัวเป็นมะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัด ผ่าตัด หรือฉายแสง มักจะมีระบบภูมิคุ้มกันต่ำลงและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและรักษามะเร็ง

โดยพบว่าเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียกว่า NK Cell ซึ่งค้นพบ ในปี 1980 เป็นครั้งแรก เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง รวมทั้งต่อต้านไวรัสและเชื้อโรคอื่น ๆ สำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง NK Cell สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ตั้งแต่แรกเริ่ม แม้เซลล์มะเร็งจะยังคงมีขนาดเล็กมากและไม่สามารถตรวจพบได้ การกระตุ้นการทำงานของ NK Cell รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมจึงเป็นความหวังใหม่ของผู้ป่วยมะเร็งในการต่อสู้กับมะเร็ง

AHCC ( Active Hexose Correlated Compound ) กระตุ้น NK Cell ได้อย่างไร

ควันธูป ตัวก่อสารเกิดมะเร็ง !!


นักวิจัยค้นพบธูปที่จุด 1 ดอก มีสารก่อมะเร็งไม่ต่างจากบุหรี่ 1 มวน หากจุดแค่ 3 ดอก ในบ้านก่อมลพิษเท่าสี่แยกไฟแดงที่มีการจราจรคับคั่ง ไม่เว้นแม้แต่ธูปแบบไร้ควันและอโรมา เผยศาลเจ้าย่านเยาวราชเป็นแหล่งศูนย์รวมสารก่อมะเร็งที่ ต้องเฝ้าระวัง

ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ศูนย์สื่อสาร วิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีการนำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง สารก่อมะเร็ง : ภัยเงียบที่มา กับควันธูป  โดย นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าไอซียู โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เปิดเผยว่า ตนและ ดร.พนิดา นวสัมฤทธิ์ นักวิจัยห้องปฏิบัติการพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ได้ทำการวิจัยเรื่องการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของคนทำงานในวัด จากการสูดดมควันธูปซึ่งมีสารก่อมะเร็ง เนื่องจากพบว่า ปัจจุบันโรคมะเร็งปอดเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของ โรคมะเร็ง โดยร้อยละ 80-90 มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่หรือได้รับมลพิษ แต่สถิติการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดในเพศหญิงกลับพบว่าร้อยละ 50 ไม่ได้สูบบุหรี่ หรือใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และไม่มีประวัติสัมผัสสารก่อมะเร็ง จึงน่าจะมีปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น ควันธูปที่รู้กันอยู่แล้วว่ามีสารก่อมะเร็ง แต่ไม่ทราบว่ามีมากในระดับใด นพ.มนูญ กล่าวต่อว่า ทีมวิจัยได้ทำการตรวจหาปริมาณสารก่อมะเร็งในอากาศซึ่งมีการจุดธูปปริมาณมากจากวัด 3 แห่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ พร้อม ทั้งทำการตรวจเลือดและปัสสาวะของคนงานที่ปฏิบัติงานในวัดจำนวน 40 คน เปรียบเทียบกับคนงานในหน่วยงานที่ไม่มีการจุดธูปจำนวน 25 คน