วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว





น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ใดๆเจือปน โดยเฉพาะสารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งมักจะมีเจือปนอยู่ในน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวในสภาพที่สกัดได้ตามธรรมชาติทันที โดยไม่ต้องทำให้บริสุทธิ์ ฟอกสี และกำจัดกลิ่น ดังเช่นน้ำมันพืชอื่นๆ จึงปลอดภัยจากอันตรายของสารเคมี น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติที่ดีเด่นที่ไม่มีในน้ำมันพืชอื่นใดในโลก ดังต่อไปนี้


คุณสมบัติน้ำมันมะพร้าว  


1.เป็นกรดไขมันอิ่มตัว น้ำมันมะพร้าว ประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว ประมาณ 92% เป็นน้ำมันที่ไม่ถูกเติมด้วยออกซิเจน และไฮโดรเจน ซึ่งก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ และไขมันทรานส์ ในขณะที่น้ำมันอื่น ๆ (ยกเว้นน้ำมันหมู และน้ำมันปาลม์) เป็นน้ำมันไม่อิ่มตัว  จึงเกิดอนุมูลอิสระ และไขมันทรานส์ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

2. เป็นน้ำมันขนาดกลาง ที่ไม่ต้องถูกย่อยด้วยเอนไซม์ เคลื่อนที่ได้เร็ว แล้วเดินทางไปยังตับ เพื่อใช้เผาผลาญให้เป็นพลังงาน ในขณะที่น้ำมันอื่น ๆ เป็นน้ำมันขนาดยาว ที่เคลื่อนที่อย่างช้า ๆ และไม่ไปยังตับ แต่กลับไปสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้อ้วน นี่เอง ที่ทำให้คนทั่วไป คิดว่า น้ำมันทุกชนิดทำให้อ้วน ในภาษาอังกฤษ เรียกไขมันว่า fat ซึ่งแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า อ้วน มีน้ำมันมะพร้าวเพียงอย่างเดียว ที่กินแล้วผอมลง

3. มีสารฆ่าเชื้อ ได้แก่กรดลอริค (Lauric Acid) ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกันกับในน้ำนมแม่ ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกในระยะ 6 เดือนแรกที่ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่พัฒนา ช่วยให้ทารกที่ดูดนมแม่แล้วไม่เป็นโรคอะไร นมแม่มีกรด ลอริคเพียง 18% แต่น้ำมันมะพร้าวมีถึง 50% จึงสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี สามารถฆ่าเชื้อโรคทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ราและยีสต์ ไวรัส โปรโตซัว

4. มีสารต่อต้านการเติมออกซิเจน (antioxidant) ได้แก่วิตามินอี ทั้งในรูปโทโคเฟอรอล และโทโคไทรอีนอล รวมทั้งสารฟีนอลลิก และไฟโตสเตอรอล ทำให้น้ำมันมะพร้าวไม่ถูกเติมออกซิเจน จึงปลอดภัยจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการทำให้มนุษย์แก่ เจ็บ และตาย เช่นทำให้เซลล์ฉีกขาด เชื้อโรคและสารพิษเข้าไปได้ ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง ฯลฯ

ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

1. ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ
  • ช่วยผิวพรรณอ่อนนุ่มชุ่มชื่น และกระชับเรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย
  • ช่วยบำรุงผิวหน้าและผิวกายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ภายหลังจากการอาบน้ำ
  • ใช้นวดตามหลักอายุรเวท เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและความเหนื่อยล้า
  • ใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำเครื่องสำอาง เสริมสร้างคอลลาเจนและสร้างความยืดหยุ่นให้่ผิว
  • ใช้เช็ดหน้าเพื่อทำความสะอาดเครื่องสำอาง
  • ป้องกันผิวแห้งแตกในหน้าหนาว
  • ทาผิวที่ถูกเผาไหม้จากแสงแดด
  • ทาหน้าท้องช่วงตั้งครรภ์ เพื่อลดรอยแตกลาย
  • ทาผิวเมื่อเกิดอาการแพ้จากแมลง เช่น ยุง, มด

2. ช่วยในการบำรุงเส้นผม

  • ใช้ลูบไล้เส้นผมให้เงางามนุ่มสลวย และช่วยปรับสภาพหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี
  • ใช้หมักผมก่อนสระ ช่วยบำรุงรากผม ป้องกันรังแค ลดการหลุดร่วงของเส้นผม และสร้างเส้นผมใหม่
  • ช่วยฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียจากการทำสี,ย้อม,ดัด,โกรก ฯลฯ 
3. ป้องกันโรคหัวใจ ความดันเลือดสูง การสะสมของไขมันบนผนังของหลอดเลือดแดง ภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน หรือหลอดเลือดในสมองแตก

น้ำมันมะพร้าวประกอบไปด้วยกรดไขมันขนาดกลาง (MCFA=Medium Chain Fatty Acid) ซึ่งต่างจากกรดไขมันที่พบในอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไขมันขนาดกลาง MCFA  จะถูกเผาผลาญเกือบทันที เพื่อสร้างพลังงานสำหรับใช้ในการดำรงชีวิต โดยไม่ส่งผลต่อการเพิ่มระดับคลอเรสเตอรอลแต่อย่างใด นอกจากนี้แล้วน้ำมันมะพร้าวยังช่วยลดการเพิ่มขึ้นของคอเรสเตอรอลที่เกิดจาก การบริโภคไขมันสัตว์อีกด้วย

เมื่อบริโภคน้ำมันอิ่มตัวที่มีคลอเรสเตอรอลสูงเข้าไปในร่างกาย คลอเรสเตอรอลจะเข้าไปสู่กระแสเลือด ภาวะที่เลือดมีคลอเรสเตอรอลสูงนั้นจะนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง หากผนังหลอดเลือดเกิดบาดแผล เกล็ดเลือดจะมาเกาะเพื่อกระตุ้นการสร้างลิ่มเลือด และต่อมาจะกระตุ้นการเติบโตของเซลล์เนื้อเยื่อหลายชนิด เช่นเซลล์พังผืด (fibroblast) ภายในผนังหลอดเลือด การผสมกันอย่างสลับซับซ้อนของเยื่อที่เกิดแผล เกล็ดเลือด เซลล์พังผืด แคลเซียม คลอเรสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ จะรวมเข้าด้วยกันในการรักษาบาดแผล จึงเกิดการพองตัวของผนังหลอดเลือด แคลเซียมที่ฝังตัวอยู่ในผนังหลอดเลือดที่พองตัวขึ้นนี้เอง ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว จึงนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ

4. น้ำมันมะพร้าวช่วยลดน้ำหนักที่เป็นส่วนเกินของร่างกาย
ทั้งนี้เพราะ น้ำมันมะพร้าวมี MCT (medium-chain triglycerides) ซึ่งทำให้โมเลกุลของน้ำมันมะพร้าวมีขนาดเล็กกว่าโมเลกุลของน้ำมันอื่นๆ ซึ่งมี LCT (long-chain triglycerides) เพราะฉะนั้น มันจึงถูกย่อยได้เร็วมาก เร็วจนกระทั่งร่างกายของเรา ใช้มันเป็นแหล่งของพลังงานทันที มากกว่าที่จะนำไปสะสมเป็นอาหารสำรองในรูปของไขมันที่ไปสะสมตามส่วนต่างๆของ ร่างกาย MCT จะถูกใช้ไปเพื่อสร้างพลังงาน คล้ายกับคาร์โบไฮเดรต ดังนั้น มันจึงไม่เคลื่อนย้ายในกระแสเลือดคล้ายไขมันอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ น้ำมันมะพร้าวจึงไม่มีส่วนในการจัดหาไขมันให้แก่เซลล์ไขมัน หรือไปเพิ่มน้ำหนักตัวให้แก่ร่างกายของผู้บริโภค ปริมาณแคลอรีที่เราบริโภคเข้าไปในรูปของอาหารจึงถูกเผาผลาญในอัตราสูงขึ้น การกระตุ้นเมตาบอลิสซึมนี้ เกิดขึ้นเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมงหลังการรับประทานอาหารที่มี MCT เป็นส่วนประกอบ ผลลัพธ์ก็คือ คุณได้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และการเผาผลาญแคลอรีในอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง

5. กระตุ้นต่อมธัยรอยด์ให้ทำงานดีขึ้น 
สำหรับคนอ้วนที่มีสาเหตุมาจากระบบการทำงานของต่อมธัยรอยด์ต่ำ (hypothyroidism) การบริโภคน้ำมันมะพร้าวเข้าไป จะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมธัยรอยด์ให้ทำงานดีขึ้น เพิ่มอัตราเมตาบอลิซึม เผาผลาญได้มากขึ้น น้ำหนักจึงลดลง


6. ช่วยลดอาการในคนเป็นโรคเบาหวาน
อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยนำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ แม้ว่ากระแสเลือดจะมีน้ำตาลมาก แต่หากขาดอินซูลิน เซลล์ก็ไม่ได้น้ำตาล
        น้ำตาลกลูโคส (Glucose) (ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ร่างกายใช้หล่อเลี้ยงเซลล์) และกรดไขมันขนาดยาว (Long-chain fatty acids – LCFA) มีปัญหาเหมือนกันอยู่อันหนึ่ง นั่นคือไม่สามารถเข้าไปในเซลล์ได้ด้วยตนเอง เพราะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ จำต้องมีอินซูลินเป็นตัวพาเข้า แต่น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดไขมันขนาดกลาง (Medium-chain fatty acids – MCFA) ที่มีขนาดเล็กกว่ามาก จึงเข้าไปในเซลล์ได้โดยไม่ต้องมีอินซูลินเป็นตัวพาเข้า อีกทั้งน้ำมันมะพร้าวยังสามารถใช้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ได้ ส่งผลให้เซลล์มีอาหารโดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน ดังนั้นไม่ว่าร่างกายจะสร้างอินซูลินได้ไม่พอหรือเซลล์ไม่ตอบสนองต่ อินซูลินก็ไม่เป็นปัญหา
        เมื่อเข้าไปในเซลล์ได้แล้ว MCFA จะรวมตัวกับคารนิทีน (carnitine) ในเซลล์เพื่อนำกรดไขมันผ่านเยื่อบุสองชั้นของไมโตคอนเดรีย (mitochondria) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเตาเผาเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดพลังงาน ดังนั้นเซลล์จึงมีอาหารอย่างเพียงพอ ทำให้เนื้อเยื่อต่างๆมีสุขภาพดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ช่วยให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงเสื่อม สรุปได้ว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ระบบไหลเวียนและสุขภาพของหัวใจของผู้ป่วยเบาหวานดีขึ้น


ออยล์พูลลิ่ง เป็นวิธีบำบัดของอินเดียที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยการอมน้ำมันไว้และเคลื่อนน้ำมันไปให้ทั่วช่องปาก ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงบ้วนทิ้งไป

ความลับของออยล์พูลลิ่ง คือ ใช้น้ำมันดักจับน้ำมัน ออยล์พูลลิ่งเป็นกระบวนการทางชีววิทยาล้วนๆ แบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดโรคร้ายหรือปล่อยสารพิษแก่ร่างกายนั้น แต่ละเซลล์ของมันจะปกคลุมด้วยน้ำมันหรือเนื้อเยื่อที่เป็นไขมัน เมื่อคุณอมน้ำมันไว้ในปาก เนื้อเยื่อที่เป็นน้ำมันหรือไขมันของแบคทีเรียจะถูกน้ำมันที่คุณอมดูดไว้ ขณะคุณเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปาก แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกของเหงือกและฟันหรือตามซอกของฟันจะถูกน้ำมันดูดออกมา เมื่อคุณบ้วนน้ำมันทิ้งแบคทีเรียก็จะถูกกำจัดออกจากปากไปด้วย




1 ความคิดเห็น: