วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผักเซียงดา

ผักเชียงดา เป็นผักที่ขึ้นในป่าแถบภาคเหนือของไทย แต่ผักเชียงดาที่ขึ้นในป่ามักจะมีรสขมกว่า ใบใหญ่กว่าและสีของใบสีจะเข้มน้อยกว่าพันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกเป็นผักกินกัน ผักเชียงดายังพบในอินเดีย จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย ศรีลังกา เวียดนาม แอฟริกา ภาษาฮินดูเรียกผักเชียงดาว่า “Gurmar” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “ผู้ฆ่าน้ำตาล”


ผักเชียงดา นิยมนำมาปรุงอาหารรวมกับผักอื่นๆ เช่น ใช้อุ๊บรวมกับผักอื่น ผสมในแกงแค แกงเขียว แกงเลียง ต้มเลือดหมู ผัดรวมกับมะเขือ ไม่นิยมนำมาแกงหรือผัดเฉพาะผักเชียงดาอย่างเดียว เพราะรสชาติจะออกขมเฝื่อน ยอดอ่อนและใบอ่อนของผักเชียงดา นำมารับประทานเป็นผัก มีรสขมอ่อนๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก

สรรพคุณ

ในผักเซียงดา 100 กรัม มี
  • วิตามินซี 153 มิลลิกรัม
  • เบต้าแคโรทีน 5,905 ไมโครกรัม
  • วิตามินเอ 984 ไมโครกรัม
  • แคลเซียม 78 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 98 มิลลิกรัม
  • เส้นใยอาหาร Crude fiber 2.5 กรัม
  • โปรตีน 5.4 กรัม
  • ไขมัน 1.5 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 8.6 กรัม

ผักเซียงดาใช้รักษาโรคเบาหวาน

ผักเชียงดา ใช้เป็นยารักษาเบาหวานในอินเดียและประเทศในแถบเอเชียมานานกว่า 2000 ปีแล้ว มีสารสำคัญคือ gymnemic acid ซึ่งสกัดมาจากรากและใบของผักเชียงดา ซึ่งมีรูปร่างเหมือนน้ำตาลกลูโคส จึงไปจับเซลล์รีเซพเตอร์ในลำไส้ ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาล The U.S. National Library of Medicine (NLM) and the National Institutes of Health (NIH) พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า ผักเชียงดาสามารถที่จะช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งชนิดพึ่งอินซูลิน (type 1) และไม่พึ่งอินซูลิน (type 2) ได้ เมื่อให้ร่วมกันอินซูลินและยารักษาเบาหวานอื่นๆ และยังมีรายงานว่ามีบางรายใช้ผักเชียงดาตัวเดียวในการคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ผู้ป่วยเบาหวานจะต้องบอกให้แพทย์ทราบเมื่อกินผักเชียงดาช่วยคุมเบาหวานเพื่อที่จะลดอินซูลินและยาลง

ในคนปกติทั่วไปการรับประทานอาหารพวกแป้งและน้ำตาลสูงๆ หากรับประทานผักเชียงดาร่วมด้วยจะช่วยให้มีการนำน้ำตาลไปเผาผลาญมากกว่าการ นำไปสร้างเป็นไขมันสะสมอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ด้วยกลไกนี้การรับประทานผักเชียงดาจึงทำให้มีการสร้างมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น แคปซูลผักเชียงดายังถูกแนะนำให้เป็นสารช่วยลดน้ำหนักจากธรรมชาติอีกด้วย และพบว่ามีรายงานการศึกษาว่าผักเชียงดาสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าการรับประทานผักเชียงดาจะช่วยในการลดคอเลสเตอร อลและไตรกลีเซอไรด์ แต่อย่างไรก็ตาม ในประเด็นหลังนี้ยังต้องการการวิจัยทางคลินิกสนับสนุนเพื่อยืนยันให้มากกว่านี้

แคปซูลผักเชียงดายังมีวางขายในร้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในรูปแบบของผงแห้งที่มีการควบคุมมาตรฐานของ gynemic acid ต้องมีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ซึ่งในหนึ่งแคปซูลส่วนใหญ่จะมีผงยาของเชียงดาอยู่ 500 มิลลิกรัม การศึกษาในคนพบว่าใช้สารออกฤทธิ์ประมาณ 400-600 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 8-12 กรัมของผงแห้งต่อวัน โดยกินครั้ง 4 กรัม วันละ 2-3 ครั้งก่อนอาหาร

การทดลองใช้ผักเซียงดารักษาโรคเบาหวาน

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าผักเชียงดามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดมาตั้งแต่ปี 1926 และในปี 1981 มีการยืนยันผลการลดน้ำตาลในเลือดและเพิ่มปริมาณอินซูลินในสัตว์ทดลองและในคน อาสาสมัครที่แข็งแรง ซึ่งพบว่าผักเชียงดาไปฟื้นฟูเบต้าเซลล์ของตับอ่อน (อวัยวะที่สร้างอินซูลิน) ทำให้ผักเชียงดาสามารถช่วยคุมน้ำตาลได้ในคนเป็นเบาหวานทั้งชนิด type 1 และ type 2 ตั้งแต่ในปี 1990 เป็นต้นมา มีการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบประสิทธิภาพ กลไกออกฤทธิ์ในการลดน้ำตาลในเลือด และมีการศึกษาความเป็นพิษอย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาในมหาวิทยาลัยมาดราส ในประเทศอินเดีย ศึกษาผลของผักเชียงดาในหนู โดยให้สารพิษที่ทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อนของหนู พบว่าหนูที่ได้รับผักเชียงดาทั้งในรูปของผงแห้งและสารสกัดมีระดับน้ำตาลใน เลือดกลับมาเป็นปกติภายใน 20-60 วัน ระดับอินซูลินกลับมาเป็นปกติ และจำนวนของเบต้าเซลล์เพิ่มขึ้น

ในปีเดียวกันนี้ มีการศึกษาผลของผักเชียงดาในผู้ป่วยโรคเบาหวาน พบว่าผักเชียงดาสามารถลดการใช้ยารักษาเบาหวานแผนปัจจุบัน ในบางรายถึงกับสามารถเลิกใช้ยาแผนปัจจุบัน โดยใช้แต่ผักเชียงดาอย่างเดียวในการคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณของ hemoglobin A1C ลดลง (ปริมาณสารตัวนี้แสดงให้เห็นว่าการกินผักเชียงดาทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดใน ช่วง 2-4 เดือนที่ผ่านมามีความสม่ำเสมอ ถ้าลดลงแสดงว่าคุมระดับน้ำตาลได้ดี ซึ่งเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดจากการป่วยเป็นโรคเบาหวาน) และปริมาณอินซูลินเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการรักษาเบา หวาน นอกจากปริมาณอินซูลินจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ปริมาณของ hemoglobin A1C ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการพบว่าสารสกัดผักเชียงดาสามารถลดปริมาณการใช้ อินซูลินได้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ต้องพึ่งอินซูลินได้อีกด้วย

ในปี 1997 นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นได้ค้นพบว่า ผักเชียงดาไปยับยั้งการดูดซึมของน้ำตาลจากลำไส้เล็ก

ในปี 2001 นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Nippon Veterinary and Animal Science University ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ตีพิมพ์ผลงานวิเคราะห์สารบริสุทธิ์ (Pure compound) ที่เป็นตัวออกฤทธิ์ในการลดน้ำตาลจากใบของผักเชียงดา โดยใช้วิธีเทียบเคียงสูตรโครงสร้างของสารออกฤทธิ์ตามธรรมชาติด้วยระบบ คอมพิวเตอร์ ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Structure-Activity Relationship (SAR) และได้ออกแบบสูตรโครงสร้างของสารสำคัญ 4 ตัว (GIA-1, GIA-2, GIA-5, และ GIA-7) ซึ่งพิสูจน์ฤทธิ์ในหนูทดลองแล้วว่าสามารถลดระดับน้ำตาลได้ จึงทำการสังเคราะห์สารสำคัญดังกล่าวขึ้นมา วิธีการนี้ช่วยให้ได้สารออกฤทธิ์ที่แม่นยำและในปริมาณสูง ช่วยลดปริมาณความต้องการใช้สารออกฤทธิ์ตามธรรมชาติจากใบของผักเชียงดาอย่างมาก

ในปี 2003 นักวิทยาศาสตร์รายงานถึงผลของสารสกัดผักชียงดาในหนู ซึ่งนอกจากจะพบฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดและเพิ่มปริมาณอินซูลินแล้ว ยังลดปริมาณของอนุมูลอิสระในประแสเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานได้อีกด้วย ทั้งยังเพิ่มปริมาณของสารกลูตาไทโอน วิตามินซี วิตามินอี ในกระแสเลือดของหนูได้อีกด้วย และยังพบว่าสารสกัดผักเชียงดามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดสูงกว่ายาแผนปัจจุบัน ที่ใช้รักษาเบาหวานชื่อ glibenclamide

นักวิทยาศาสตร์ได้มีการศึกษาความเป็นพิษของผักเชียงดา ไม่พบความเป็นพิษแต่อย่างใด ผักเชียงดาไม่ได้ลดน้ำตาลในเลือดในคน และถ้าใช้แต่ผักเชียงดาอย่างเดียวไม่ได้ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำแต่อย่างใด ยกเว้นการใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้ลดน้ำตาลลดน้ำตาล เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

แม้ผักเชียงดาจะไม่ได้มีต้นสูงใหญ่เหมือนต้นถั่วที่แจ็คใช้ปีนขึ้นไปฆ่า ยักษ์ในนิทาน แต่ผักเชียงดาต้นน้อยๆ นี้ก็ได้ชื่อว่า ผู้ฆ่าน้ำตาล ยักษ์ใหญ่ใจร้ายที่ทำลายสุขภาพของคนทั่วโลกในนามของเบาหวาน ดังนั้นจงอย่ารีรอที่จะช่วยกันกินช่วยกันปลูกผักเชียงดา ผักเป็นยาที่แสนจะมีประโยชน์ อย่าปล่อยให้มีแต่คนอื่นเขาใช้ประโยชน์จากผักป่าธรรมชาติที่บ้านเราก็มี หรือเราจะรอให้คนอื่นทำเป็นยาแคปซูลมาดึงเงินในกระเป๋าเราจนทำให้สูญเสียราย ได้ของประเทศอีกมหาศาล

ชื่อสามัญ : ผักเชียงดา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gymnema inodorum (Lour.) Decne.

ชื่อวงศ์ : Asclepiadaceae

ชื่ออื่น : เจียงดา , ผักฮ่อนไก่ (อำเภอภูเรือ), เครือจันปา (อำเภอภูหลวง), ผักอีฮ่วน (อำเภอท่าลี่)

ที่มาข้อมูล : http://thrai.sci.ku.ac.th/node/1477

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น