วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ขมิ้นชัน


สรรพคุณ
  • มีวิตามิน A, C, E เมื่อข้าสู่ร่างกายจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว มีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ
  • สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • ทำความสะอาดให้ลำไส้
  • เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ
  • ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ
  • สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง
  • กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง
  • ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี
  • รักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศรีษะ
  • รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ

สรรพคุณทางยา
  • ขมิ้นชันมีสรรพคุณทำให้แผลหายเร็วขึ้น
  • มีฤทธิ์ลดการอักเสบ
  • ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
  • มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง
  • มีฤทธิ์ขับน้ำดีช่วยในการย่อยและป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี
  • มีฤทธิ์ขับลม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร
  • ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
  • ชลอความแก่
  • มีสารต้านมะเร็งและเนื้องอกต่างๆ
  • สามารถทำลายเชื้อไวรัสที่ผ่านมาทางอาหารได้
  • ป้องกันมะเร็งจากสารก่อมะเร็งต่างๆ
  • มีสรรพคุณในการต้านไวรัส โดยเฉพาะเชื้อ HIV
การรับประทานขมิ้นชัน ตามนาฬิกาแห่งชีวิต
ความสัมพันธ์ของเวลากับอวัยวะในร่างกาย
  • 03.00 - 05.00 น. ช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง
  • 05.00 - 07.00 น. ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ถ้าเคยกินยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้กินขมิ้นชันเวลานี้ ขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องกินเป็นประจำ ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อขับถ่ายอย่างปกติ แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาถ่ายมากเกินไปหรือถ่ายน้อยเกินไป ถ้าลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้กินขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว หรือน้ำอุ่นก็ได้ จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆ อยู่เป็นล้านๆ เส้น ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด ขมิ้นชันจะช่วยล้างให้สะอาดได้ ก็จะไม่ค่อยมีขยะตกค้าง จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และจะไม่ค่อยเป็นริดสีดวงทวาร ไม่เป็นมะเร็งลำไส้
  • 07.00 - 09.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา ท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม
  • 09.00 - 11.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป ผอมเกินไปที่เกี่ยวกับม้าม ลดอาการของโรคเก๊าต์ ลดอาการเบาหวาน
  • 11.00 - 13.00 น. สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ มีหรือไม่มี ถ้ากินขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ถ้าเลยเวลา 11.00 น.ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับ แล้วตับจะส่งมาที่ปอด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง
  • 13.00 - 15.00 น. ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องปวดท้องบ่อย เพราะมีไขมันเกาะลำไส้เล็ก ไขมันที่เคลือบลำไส้จะเคลือบขยะเอาไว้ด้วยแล้วสะสมกัน ทำให้เกิดแก๊ส และมีอาการปวดท้องตอนบ่ายในช่วงเวลานี้ ถ้ากินสูตรโยเกิต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว และขมิ้นชัน จะช่วยล้างลำไส้เล็กได้ดีที่สุด สูตรโยเกิตนี้ตัวจุลินทรีย์จะช่วยเปลี่ยนขยะในลำไส้เล็กให้เป็น บี 12 เพื่อส่งไปเลี้ยงสมองต่อไป
  • 15.00 - 17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้
กินเหลือ หรือเลยเวลาจากช่วงนี้ จนไปถึงการกินก่อนนอน ขมิ้นชันจะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าจะไม่ค่อยอ่อนเพลีย และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น กินขมิ้นชันมากๆ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ผิวหนังไม่เป็นผดผื่นคันง่ายๆ และช่วยขับไขมันในตับ ถ้ากินปริมาณมาก

การกินขมิ้นชัน แบบผงหรือบรรจุแคปซูล ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและสะอาดเชื่อถือได้ ไร้สารเคมีไม่มีสเตอรอย์ที่เกิดจากการอบแห้งด้วยความร้อนเกิน 65 องศา ควรตัดสินใจเอง เพราะเราจะต้องกินทุกวัน ก็ควรกินให้ปลอดภัยและสบายใจ

ถ้ากินขมิ้นชัน แบบผง 1 ช้อนชา ใช้ผสมน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) ขมิ้นชันจะไหลผ่านส่วนต่างๆ ตั้งแต่
  • ผ่านลำคอ ช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ
  • ผ่านปอดช่วยดูแลปอดให้หายใจดีขึ้น ลดความชื้นของปอด
  • ผ่านม้าม ก็ลดไขมัน และปรับน้ำเหลืองไม่ให้น้ำเหลืองเสีย
  • ผ่านกระเพาะอาหาร ก็จะรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
  • ผ่านลำไส้ ก็สมานแผลลำไส้
  • ผ่านตับ ก็ไปบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ
ขมิ้นชันยังช่วยดูแลเซลล์ต่างๆ ที่ฉีกขาดก็จะไปเชื่อมให้ และไปกวาดขยะ กวาดไขมันมากองไว้ ถ้าจะอุ้มขยะไปทิ้งโดยการถ่ายก็กินอาหารปกติ เช่น พืช ผัก ผลไม้ ที่มีกากใย หรือกินน้ำลูกสำรอง  เพื่ออุ้มไขมัน อุ้มแก๊สไปทิ้ง

ชื่อสามัญ : Turmaric

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma longa L.

ชื่อวงศ์ : Zingiberaceae

ชื่ออังกฤษ : Tumeric, Curcuma

ชื่ออื่น : ขมิ้น (ทั่วไป) ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขี้มิ้น หมิ้น (ภาคใต้) ขมิ้นหยวก ยากยอ สะยอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น