วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

มะเร็ง กับ AHCC

มะเร็ง กับ AHCC อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ป่วยมะเร็งและไวรัสตับอักเสบ

เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตมนุษยชาติเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก การวิจัย ค้นคว้า ทดลอง เพื่อให้ได้มาซึ่งยา อาหาร สมุนไพรเพื่อเยียวยาผู้ป่วยมะเร็งจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

การค้นพบสารสกัด AHCC เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ทางเลือกในญี่ปุ่นใช้กับผู้ป่วยมะเร็งอย่างแพร่หลายนับแสนคน

AHCC ( Active Hexose Correlated Compound ) จะช่วยต่อสู้กับมะเร็งร้ายได้อย่างไร

เรามักจะพบว่า ผู้ที่มีประวัติของครอบครัวเป็นมะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัด ผ่าตัด หรือฉายแสง มักจะมีระบบภูมิคุ้มกันต่ำลงและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและรักษามะเร็ง

โดยพบว่าเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียกว่า NK Cell ซึ่งค้นพบ ในปี 1980 เป็นครั้งแรก เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง รวมทั้งต่อต้านไวรัสและเชื้อโรคอื่น ๆ สำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง NK Cell สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ตั้งแต่แรกเริ่ม แม้เซลล์มะเร็งจะยังคงมีขนาดเล็กมากและไม่สามารถตรวจพบได้ การกระตุ้นการทำงานของ NK Cell รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมจึงเป็นความหวังใหม่ของผู้ป่วยมะเร็งในการต่อสู้กับมะเร็ง

AHCC ( Active Hexose Correlated Compound ) กระตุ้น NK Cell ได้อย่างไร

AHCC เป็นสารที่สกัดได้จากไมซีเลี่ยม ( Mycelium ) ของเห็ดหลายชนิดที่ถูกเพาะเลี้ยงโดยวิธีพิเศษเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1986 มีรายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 29 ชิ้นที่ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลของ AHCC ในการกระตุ้นการทำงานของ NK Cell ให้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมหลายร้อยเท่า และจากประสบการณ์การใช้ AHCC ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งใน โรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์กว่า 700 แห่ง รวมถึงรายงานการวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพบว่า AHCC มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย กล่าวคือ
  1. เพิ่มปริมาณและการทำงานของ NK Cell และ แมคโครฟาร์จชึ่งเป็นภูมิคุ้มกันอีกชนิดหนึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมปริมาณเซลล์มะเร็งและการแพร่กระจาย
  2. เพิ่มปริมาณ TNF ( Tumor Necrosis Factor ) ในร่างกายทำให้เกิดการทำลายเซลล์มะเร็ง
  3. เพิ่มปริมาณอินเตอร์ลิวคีน หรือ IL -2 และ IL -12 ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเซลล์มะเร็งไม่ให้เจริญเติบโต
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับการใช้ AHCC ในผู้ป่วยมะเร็งตับที่นำเสนอในการประชุม Congress of The European Society for Surgical Research ครั้งที่ 33

มีผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดมะเร็งตับทั้งหมด 151 ราย และผู้ป่วยจำนวน 70 รายยินดีเข้าร่วมงานวิจัยครั้งนี้ ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 1992 ถึงกันยายน 1999 โดยผู้ป่วย 70 รายนั้นได้รับ AHCC วันละ 3 กรัม เปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว จากการศึกษาพบว่า

  1. อัตราการกลับมาเป็นมะเร็งตับซ้ำในผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับ AHCC มีเพียง 49% ขณะที่ผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ได้รับ AHCC มีอัตราการเป็นซ้ำสูงถึง 67 %
  2. ในผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับ AHCC มีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับถึง 23 เดือน
  3. เมื่อเปรียบเทียบอัตราการมีชีวิตอยู่ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีนั้นพบว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับ AHCC มีอัตราการมีชีวิตอยู่สูงถึง 79 % ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้รับมีอัตราการมีชีวิตอยู่ที่ 51 %
AHCC ยังเป็นที่นิยมใช้ในการรักษามะเร็งอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น จากรายงานผลการรักษาผู้ป่วยมะเร็งชนิดต่าง ๆ จำนวน 100,000 ราย พบว่า 60 % ของผู้ป่วยมีผลตอบรับที่ดีในระดับที่น่าพอใจต่าง ๆ กัน

วิจัย AHCC ในไทย พบช่วยยืดอายุและคุณภาพชีวิตดีขึ้น

ในประเทศไทย มีการวิจัย AHCC  ช่วยยืดอายุผู้เป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย และ แก้ปัญหาผู้ที่ดื้อยาในกลุ่มไวรัสตับอักเสบ

จากการศึกษาวิจัยมะเร็งระยะสุดท้ายด้วยสารสกัด Proteoglycan หรือ AHCC  (Active Hexose Correlated Compound) พบว่าได้ผลดีกับผู้ป่วยคนไทย
โดยสามารถเพิ่มภูมิต้านทานมะเร็งร้าย ยืดชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

นายแพทย์สุพล มโนรมณ์  รองผู้อำนวยการด้านบริหาร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีบำบัด สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า  ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติได้ศึกษาวิจัยผู้ป่วยมะเร็งตับในคนไทย ด้วยการนำสารสกัด Proteoglycan หรือ AHCC  ซึ่งสามารถกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกายโดยการรับประทาน ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ยาฉีด ตามที่ส่วนใหญ่นิยมใช้รักษามะเร็งในปัจจุบัน

การศึกษาวิจัย

การศึกษาวิจัย โดยสุ่ม คัดกรองตัวอย่างผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะสุดท้าย ที่เป็นคนไทย จำนวน 44 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดหรือรักษา ด้วยเคมีบำบัด ใช้ระยะเวลานาน 3  ปี แบ่งกลุ่มผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
  1. กลุ่มที่รับประทานสารสกัด Proteoglycan หรือ AHCC จำนวน 34 คน
  2. กลุ่มที่รักษาปกติ หรือ ประคับประคอง จำนวน 10 คน
ผลการวิจัย

ในกลุ่มผู้ที่ได้รับประทานจะได้รับสารสกัด Proteoglycan วันละ 6 กรัม โดยในการวิจัยครั้งนี้ เพื่อตรวจหาปริมาณสารอินเตอร์ลิวคีน 12 (IL12) และสารอินเตอร์เฟอรอนแกมมา ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้ประสิทธิภาพภูมิต้านทานของร่างกาย รวมทั้งการประเมินคุณภาพชีวิตผู้ป่วยในเดือน ที่ 1, 3  และเดือนที่ 6

สรุปว่า
  1. กลุ่มผู้ป่วยที่รักษาแบบประคับประคอง เสียชีวิตทั้งหมดในเวลาเฉลี่ย 3.5 เดือน
  2. กลุ่มที่รับประทานสารสกัด Proteoglycan หรือ AHCC ยังมีชีวิตอยู่สูง      ถึง 73% ทำให้การมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  ผลการตรวจพบว่าระดับสารอินเตอร์ลิวคีน 12 (IL 12) และสารอินเตอร์เฟอรอนแกมมา เพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผลของสารสกัด Proteoglycan จึงสามารถใช้เป็นตัวกระตุ้นภูมิต้านทานด้วยการรับประทานได้
นายแพทย์ สุพล กล่าวอีกว่า การรักษามะเร็งในทางการแพทย์ปัจจุบันมีการพัฒนายาใหม่มาตลอดเวลา มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผลการรักษาของยาช่วยให้โอกาสของผู้ป่วยมะเร็งอยู่รอดมากขึ้น ดังนั้น การพัฒนาคิดค้นวิจัยการป้องกัน การรักษาเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ยังจำเป็นที่ต้องร่วมมือกันกับหน่วยงานต่างๆ เนื่องจากแนวโน้มประชาชนป่วยเป็นโรคมะเร็งในทั่วโลกยังเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ   จากสถิติเมื่อปี 2543  มีผู้ป่วยมะเร็งจำนวน 22.4 ล้านคน   เป็นผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 10.1 ล้านคน และเสียชีวิตปีละ 6.2 ล้านคน  อีกทั้งในสถิติดังกล่าว 60 % ของผู้ป่วยเป็นประชาชนอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา  และในปี 2563  องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า มีผู้ป่วยมะเร็งถึงจำนวน 30 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ 15.7 ล้านคน และจะมีผู้ป่วยมะเร็งเสียชีวิตปีละ 10 ล้านคนทั่วโลก

ที่มา : http://www.liveinbangkok.com/forum/index.php?topic=5673.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น