วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทอดมันข้าวโพด


ส่วนผสม
  •   ข้าวโพดหวาน  1 1/2  ถ้วยตวง
  •   หมูสับละเอียด  1/4  ถ้วยตวง   
  •   แป้งสาลีอเนกประสงค์  1/3  ถ้วยตวง  (ส่วนที่ 1)
  •   แป้งสาลีอเนกประสงค์  1/4  ถ้วยตวง  (ส่วนที่ 2)
  •   ไข่ไก่  1  ฟอง  
  •   เกลือ  1  ช้อนชา
  •   น้ำตาลทราย  1  ช้อนชา
  •   น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
  1. ข้าวโพดปอกเปลือกฝานบางๆ เอาแต่เนื้อข้าวโพด
  2. โขลกข้าวโพดที่ฝานแล้วเบาๆ ในครก โขลกพอให้ข้าวโพดมีน้ำออกมานิดหน่อย
    อย่าให้เละ
  3. ผสมข้าวโพด เนื้อหมูบด เกลือ น้ำตาลทราย ไข่ไก่ นวดให้เข้ากัน
  4. ผสมแป้งส่วนที่ 1 ลงในส่วนผสมข้าวโพด นวดจนเข้ากันดี
  5. นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดใหญ่เล็กแล้วแต่สะดวก แต่อย่าให้ใหญ่มาก เดี๋ยว
    ทอดแล้วข้างในไม่สุก แล้วกดให้แบนเล็กน้อย
  6. นำไปเคล้าแป้งสาลีแห้งส่วนที่ 2 บางๆ
  7. ตั้งกะทะน้ำมันให้ร้อนจัด ลดไฟลงเหลือปานกลาง
  8. นำส่วนผสมข้าวโพดลงทอดในน้ำมันจนสุกเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟ
    กับน้ำจิ้ม

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
  • น้ำส้มสายชู  2  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า  2  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย  2  ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น  1/2  ช้อนชา
  • พริกชี้ฟ้าแดงโขลกละเอียด  1  เม็ด
  • ถั่วลิสงคั่วบด  2  ช้อนโต๊ะ
  • แตงกวาหั่น  1  ผล

วิธีทำน้ำจิ้ม

  1. ผสมน้ำตาล น้ำเปล่า น้ำส้ม เกลือป่น ให้เข้ากัน ตั้งไฟเคี่ยวให้เดือดสักครู่ ยกลง
  2. ผสมพริกแดงโขลก ทิ้งให้เย็น เวลาเสิร์ฟใส่ถั่วลิสงคั่วป่น แตงกวา
สรรพคุณข้าวโพด
  1. ล้างสารพิษ
  2. ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายได้สูง เนื่องจากว่ามันจะปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระออกมามาก นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด เขาได้ทดลองต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22%, 44% และ 53% ตามลำดับ
  3. ช่วยชะลอโรคต้อกระจก และโรคสมองเสื่อม อันเนื่องมาจากความชรา
  4. ข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก (Ferulic acid) อันเป็นคุณกับร่างกาย เมื่อข้าวโพดถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นจะยิ่งปล่อยกรดนี้มากขึ้น จากการทดลองเดียวกันพบว่า เมื่อต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้กรดเฟรุลิกถูกปล่อยออกมาเป็นปริมาณ 240%, 550% และ 900% ตามลำดับ กรดเฟรุลิกเป็นพวกพฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น