ผู้ป่วยโรคเบาหวานและคลอเลสเตอรอลสูง
เส้นใยที่ละลายน้ำในกระเจี๊ยบเขียวจะช่วยลดการดูดซึมของคลอเลสเตอรอลและน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย และช่วยทำให้ถ่ายอุจจาระได้คล่อง จึงเป็นการช่วยกำจัดไขมันปริมาณสูงที่จับกับน้ำดีอยู่ เป็นผลให้ลดไขมันและคลอเลสเตอรอลได้ คล้ายกับการกินยาลดคลอเลสเตอรอลและไขมันชื่อ “สแตติน”
ผู้ป่วยโรคมะเร็งสารเมือกหรือเส้นใยที่ละลายน้ำได้ในฝักกระเจี๊ยบเขียว เมื่อลงสู่ลำไส้ใหญ่จะช่วยให้การเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ (พรีไบโอติกแบคทีเรีย) แบคทีเรียที่มีประโยชน์นี้จะช่วยลดปริมาณพิษที่ผลิตโดยบรรดาแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
นอกจากนี้สรรพคุณต้านมะเร็งของกระเจี๊ยบเขียวยังเกิดจากสารกลูตาไทโอน สารชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การสร้างสารซ่อมแซมเซลล์ และทำปฏิกิริยาขจัดสารพิษที่เกิดในร่างกาย ปัจจุบันยังมีความนิยมที่ใช้สารนี้เพื่อให้ผิวขาวขึ้น (เพราะสารกลูตาไทโอนสามารถกดการทำงานของของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีได้ชั่วคราว)
นอกจากนี้สรรพคุณต้านมะเร็งของกระเจี๊ยบเขียวยังเกิดจากสารกลูตาไทโอน สารชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การสร้างสารซ่อมแซมเซลล์ และทำปฏิกิริยาขจัดสารพิษที่เกิดในร่างกาย ปัจจุบันยังมีความนิยมที่ใช้สารนี้เพื่อให้ผิวขาวขึ้น (เพราะสารกลูตาไทโอนสามารถกดการทำงานของของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีได้ชั่วคราว)
รักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดคนไทยรู้จักการใช้กระเจี๊ยบเขียวรักษาพยาธิตัวจี๊ดมาแต่ครั้งอดีต โดยการนำกระเจี๊ยบเขียวมาต้มกินเป็นผักติดต่อกันหลายๆ วัน ความรู้นี้เป็นความรู้ที่หมอยาพื้นบ้านไทยทุกภาครู้เหมือนๆ กัน ใช้เหมือนๆ กัน แสดงว่ากระเจี๊ยบเขียวต้องได้รับความนิยมทั้งคนกินและคนรักษา จึงสืบต่อความรู้กันมานาน
โรคพยาธิตัวจี๊ดเกิดจากพยาธิตัวกลมในสกุล Gnathostoma คนเกิดโรคจากการได้รับตัวอ่อนของพยาธิซึ่งอยู่ในเนื้อดิบของกุ้ง ไร เนื้อปลา หมู ไก่ เป็ด กบ เมื่อคนได้รับตัวอ่อนพยาธิเข้าไปถึงระยะหนึ่ง ตัวอ่อนจะไชไปตามบริเวณต่างๆ เช่น ไชไปตามเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังก็เกิดอาการบวมเคลื่อนที่ หรือเข้าสมองก็เกิดสมองอักเสบ เป็นต้น ขณะนี้ยังไม่มียาที่ได้รับการยอมรับว่ารักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้ผลดี แต่ถ้าไปพบแพทย์ ส่วนใหญ่แพทย์จะจ่ายยาฆ่าพยาธิติดต่อกันนาน ๒๑ วัน มีผู้ป่วยหลายรายที่แพทย์ช่วยทำให้ถ่ายพยาธิออกมาได้ ถ้าป่วยเป็นโรคนี้ก็ควรที่จะไปพบแพทย์และกินกระเจี๊ยบเขียวเป็นผักติดต่อกันสัก ๒ อาทิตย์ ในประเทศไทยมีรายงานการทดลองพบว่า สารสกัดจากกระเจี๊ยบเขียวด้วยแอลกอฮอล์สามารถลดจำนวนพยาธิตัวจี๊ดในหนูถีบจักรได้
รักษาโรคกระเพาะ เยื่อบุกระเพาะและลำไส้อักเสบ
สรรพคุณเด่นที่สำคัญในการใช้เป็นยารักษาโรคของกระเจี๊ยบเขียวคือ การใช้เป็นยารักษาโรคกระเพาะและโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งโรคนี้ทำให้เกิดอาการท้องผูกกับท้องเสียสลับกัน และยังช่วยรักษาอาการปวดท้องจากแผลในกระเพาะอาหารและแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น ปี ๒๕๔๗ มีรายงานการศึกษาพบว่า สารประกอบไกลโคซิลเลท (Glycosylated Compounds ซึ่งประกอบด้วย polysaccharides and glycoproteins) ในกระเจี๊ยบเขียว มีฤทธิ์ยับยั้งความสามารถของเชื้อแบคที่เรีย Helicobacter pylori ในการเกาะเยื่อบุผิวของกระเพาะอาหาร เจ้าเชื้อแบคที่เรียตัวนี้เองเป็นเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะ สารไกลโคซิลเลทจะมีฤทธิ์ลดลงเมื่อถูกความร้อน
รักษาโรคกระเพาะ เยื่อบุกระเพาะและลำไส้อักเสบ
สรรพคุณเด่นที่สำคัญในการใช้เป็นยารักษาโรคของกระเจี๊ยบเขียวคือ การใช้เป็นยารักษาโรคกระเพาะและโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งโรคนี้ทำให้เกิดอาการท้องผูกกับท้องเสียสลับกัน และยังช่วยรักษาอาการปวดท้องจากแผลในกระเพาะอาหารและแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น ปี ๒๕๔๗ มีรายงานการศึกษาพบว่า สารประกอบไกลโคซิลเลท (Glycosylated Compounds ซึ่งประกอบด้วย polysaccharides and glycoproteins) ในกระเจี๊ยบเขียว มีฤทธิ์ยับยั้งความสามารถของเชื้อแบคที่เรีย Helicobacter pylori ในการเกาะเยื่อบุผิวของกระเพาะอาหาร เจ้าเชื้อแบคที่เรียตัวนี้เองเป็นเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะ สารไกลโคซิลเลทจะมีฤทธิ์ลดลงเมื่อถูกความร้อน
รักษาอาการท้องผูก ช่วยกำจัดสารพิษออกจากลำไส้กระเจี๊ยบเขียวประกอบด้วยเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำและละลายน้ำ จึงมีคุณสมบัติช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเส้นใยที่ละลายน้ำได้จะมีคุณสมบัติในการดูดซับสารพิษแล้วขับถ่ายออกไปทางอุจจาระ จึงไม่เหลือสารพิษตกค้างในลำไส้ ดังนั้นการรับประทานผลกระเจี๊ยบเขียวเป็นประจำจะช่วยให้ขับถ่ายได้คล่อง สบายท้อง สมองผ่องใส เพราะมีงานวิจัยมาแล้วว่าถ้าผนังลำไส้สะอาดสมองจะผ่องใส
รักษาแผลและผิวหนังอักเสบยางจากผลสดกระเจี๊ยบเขียวจะช่วยรักษาแผลสด เมื่อถูกของมีคมบาดให้ใช้ยางจากฝักกระเจี๊ยบทาแผล แผลจะหายไวและไม่เป็นแผลเป็น ส่วนผลอ่อนของกระเจี๊ยบเขียวมีเมือกลื่นทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นไม่แห้ง ชาวบ้านบางพื้นที่นำผลอ่อนของกระเจี๊ยบเขียวมาพอกผิวหนังที่รู้สึกแสบร้อน
เพลี้ย ลง ตายหมดเลย(มีอยู่ 3 ต้น) T T
ตอบลบเด๋วว่าจะปลูกใหม่เอาให้เยอะกว่าเดิม
ใช้สารสกัดจากเมล็ดสะเดา ฉีดพ่นในตอนเย็น จะช่วยลดอัตราการทำลายพืชของแมลงลงได้มาก
ตอบลบ