วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

เห็ด อาหารมหัศจรรย์

ปัจจุบันเห็ดที่เรานิยมรับประทานกันมีอยู่มากมายหลายชนิด มีทั้งแบบสด บรรจุกระป๋อง หรือแม้แต่เห็ดตากแห้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เราจะนำมาใช้ปรุงอาหาร เห็ดยังเป็น แหล่งโปรตีนคุณภาพสูงเมื่อเทียบกับโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ มีธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี วิตามินบีรวม ซีลีเนียม โปแตสเซียม และทองแดง จึงเป็นอาหารที่มีคุณค่าสูงที่ควรเลือกรับประทานเป็นประจำ เห็ดมีสรรพคุณหลากหลายตามชนิดของเห็ดดังนี้


เห็ดหนูหนู ช่วยบำรุงกระเพาะ สมอง หัวใจ ปอด ตับ แพทย์แผนจีนใช้เป็นอาหารบำรุงไตให้แข็งแรง ลดไข้ แก้ไอ กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยบำรุงร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กระจายโลหิต แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ต้มกับน้ำตาลกรวดจิบแก้ไอ


เห็ดนางฟ้า เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดนางรม เห็ดภูฎาน ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสภาพความดันโลหิต ลดการอักเสบ ยังยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย










เห็ดหลินจือ รักษาโรคในระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้ 3 ระบบ


1. ระบบทางเดินอาหารเช่น โรคกระเพาะ ท้องผูก ริดสีดวงทวาร


2. ระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการไอ แก้ปอดอักเสบ ภูมิแพ้


3. ระบบการไหลเวียนของเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ลดโคเลสเตอรอล

เห็ดหอม เป็นเห็ดที่มีกลิ่นหอมมากเมื่อตากแห้งแล้ว จึงนิยมนำมาปรุงอาหารมากกว่าแบบสด โดยนำเห็ดมาแช่ในน้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือนำไปลวกในน้ำเดือดประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนนำไปปรุงอาหาร ซึ่งเราสามารถนำน้ำแช่เห็ดหอมนี้เก็บไว้ทำเป็นน้ำซุปปรุงรสอาหารได้ด้วย อีกทั้งยังเป็นอาหารตำรับที่ช่วยบำรุงกำลังของชาวจีน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ปวดกระเพาะอาหาร ลดอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย บำรุงกระดูกให้แข็งแรง ลดไขมันในเลือด และลดโคเลสเตอรอล



เห็ดฟาง บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงตับ แก้ช้ำใน มีวิตามินซีสูง และมีกรดอะมิโนที่สำคัญอยู่หลายชนิด มีสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกันลดการติดเชื้อต่างๆ และป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก ตลอดจนลดอาการผื่นคันต่าง ๆ ควรรับประทานแบบปรุงสุกเพราะการรับประทานเห็ดสด จะมีสารที่คอยยับยั้งการดูดซึมอาหาร












เห็ดเข็มทอง รักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง ยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่เยื่อบุช่องท้อง ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน


เห็ดตับเต่า เห็ดป่าในธรรมชาติ บำรุงร่างกาย กระจายโลหิต ดับพิษร้อนภายในร่างกาย


เห็ดเผาะ บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง แก้ช้ำใน


เห็ดโคน บำรุงร่างกาย ทำให้แช่มชื่น กระจายโลหิต ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้



เห็ดสามอย่างคือเห็ด 3 ชนิด หรือเห็ดตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไป จะเป็นเห็ดสดหรือเห็ดแห้งก็ได้ นำมาปรุงอาหารแล้วกินได้ทั้งเนื้อเห็ด และน้ำต้มเห็ด


ประโยชน์ของเห็ดสามอย่างเมื่อนำมาปรุงรวมกันเป็นอาหาร สามารถล้างสารพิษที่ตกค้างในตับ ช่วยบำรุงตับ ลดอนุมูลอิสระที่จะเกิดเป็นเซลล์มะเร็ง


เห็ดชนิดเดียวประโยชน์ยังไม่มากเท่ากับเห็ดสามอย่าง มารวมกันหรือสามอย่างขึ้นไป เห็ดที่นำมาใช้คือ เห็ดที่กินได้ เช่น เห็ดหูหนูดำ เห็ดหูหนูขาว เห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดโคน เห็ดเข็มทอง ฯลฯ ล้างน้ำให้สะอาดก่อนปรุงโปรตีนในเห็ดสามอย่าง เมื่อนำมารวมกันประกอบอาหารแล้วจะได้โปรตีนจากเห็ด ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าเนื้อสัตว์ โปรตีนจากเห็ดจะไปสร้างกรดอะมิโน ที่บำรุงสมอง ปรับสมดุลของการสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย ต้านการเกิดมะเร็ง ขจัดสารพิษ น้ำต้มเห็ดสามอย่างใช้ทำเป็นน้ำซุปปรุงอาหารก็ได้ แต่ไม่ควรนำเห็ดสามอย่างไปผัดน้ำมัน ถ้าจะผัดควรใช้กะทิผัดแทนน้ำมัน เพราะกะทิเป็นไขมันที่ละลายในน้ำได้ และกะทิมีโคเลสเตอรอลฝ่ายดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย


วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

ยำสารพัดเห็ด


เครื่องปรุง
  • กุ้งสด 3 ขีด
  • ปลาหมึกกล้วย 3 ขีด
  • เห็ดฟางผ่าสี่ 1 ขีด
  • เห็ดหอมสดผ่าสี่ 1 ขีด
  • เห็ดนางฟ้าฉีกตามยาว 1 ขีด
  • เห็ดหูหนูขาวแช่น้ำพอนิ่ม 1 ขีด
  • เห็ดหูหนูสด หั่นเป็นชิ้นๆ 1 ขีด
  • หอมใหญ่หั่นตามยาว 1/2 ถ้วย
  • ขึ้นฉ่ายตัดเป็นท่อนๆ 1/4 ถ้วย
  • น้ำมะนาว 1/2 ถ้วย
  • น้ำปลา 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชี ใบสะระแหน่เด็ดเป็นช่อๆ 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
  1. ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือกผ่าหลังให้เรียบร้อย ปลาหมึกกล้วย ล้าง ลอกเปลือกให้สะอาด หั่นเป็นแว่น นำทั้ง 2 อย่างไปลวกในน้ำเดือดๆ จนพอสุกแล้วตักขึ้น
  2. นำเห็ดที่ล้างสะอาดแล้ว มาลวกทีละอย่าง สำหรับเห็ดหูหนูขาวนั้นไม่ต้องลวกนานมากนัก
  3. ปรุงน้ำยำ ด้วยการผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล พริกขี้หนู คนให้เข้ากัน แล้วชิมรสให้ถูกใจปากคนกิน
  4. เอาเห็ดทั้ง 5 ชนิดนั้น มาคลุกกับหอมหัวใหญ่ ขึ้นฉ่าย และกุ้งลวก แล้วด้วยราดน้ำยำ ปิดท้ายด้วยการโรยผักชีและใบสะระแหน่ ก็เป็นอันเสร็จพิธี ยกเสิร์ฟได้เลย
สรรพคุณ

เห็ดเป็นทั้งอาหารและยาในเวลาเดียวกัน เห็ดมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับถั่ว มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ และกรดอะมิโนบางชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย ส่วนรสชาติเมื่อทำให้สุกจะคล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์แต่จะย่อยง่ายกว่า นอกจากนี้เห็ดยังให้พลังงาน คาร์โบไฮเดรตและเส้นใย ปริมาณไขมันต่ำ จึงไม่ทำให้อ้วน

สารอาหารจากเห็ด

ซีลีเนียม เป็นสารอาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระใกล้เคียงกับวิตามิน E ช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และโรคสำหรับผู้สูงอายุ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ

โพแทสเซียม เป็นสารอาหารที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ความสมดุลของน้ำในร่างกาย การทำงานาของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่าง ๆ ในเห็ดจะมีโพแทสเซียมสูง โซเดียมต่ำ

วิตามิน B รวม ในเห็ดอุดมไปด้วยวิตามินบีรวม

ไรโบฟลาวิน ช่วยบำรุงผิวพรรณและการมองเห็น

ไนอะซิน ช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบประสาท

ในเห็ดยังมีสารพฤกษเคมี คือ ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อมะเร็งและโรคร้ายอื่น ๆ

ดอกสดของเห็ดมีวิตามิน C จำนวนมากแต่ไม่ควรกินสด ควรทำให้สุกเสียก่อน เพราะมีสารบางอย่างที่จะไปยับยั้งการดูดซึมของอาหารในระบบย่อยอาหาร ถึงวิตามิน C อาจลดลงไปบ้าง แต่คุณสมบัติอื่น ๆ ยังคงอยู่

สรรพคุณของเห็ดแต่ละชนิด

เห็ดหนูหนู ช่วยบำรุงกระเพาะ สมอง หัวใจ ปอด ตับ แพทย์แผนจีนใช้เป็นอาหารบำรุงไตให้แข็งแรง ลดไข้ แก้ไอ กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยบำรุงร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กระจายโลหิต แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ต้มกับน้ำตาลกรวดจิบแก้ไอ

เห็ดนางฟ้า เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดนางรม เห็ดภูฎาน ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสภาพความดันโลหิต ลดการอักเสบ ยังยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย

เห็ดหอม มีฤทธิ์การต้านและป้องกันมะเร็ง ป้องกันโรคหวัด ความดันโลหิตสูง บำรุงกำลัง อุดมด้วยวิตามิน A และ

เห็ดฟาง บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงตับ แก้ช้ำใน

เห็ดเข็มทอง รักษาโรคตับ กระเพาะ และสำไส้อักเสบเรื้อรัง ยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่เยื่อบุช่องท้อง ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

ไข่ตุ๋น

ไข่ตุ๋น เหมาะมากสำหรับเด็ก และ ผู้สูงอายุ เพราะ กินง่าย ได้ธาตุอาหารมาก ทำเก็บไว้เป็นอาหารมื้อเช้าก่อนไปโรงเรียน หรือไปทำงาน สะดวก ประหยัดเวลา แถมได้คุณค่าอาหารสูง






เครื่องปรุง

  • ไข่ไก่ ๒ ฟอง

  • เห็ดหอมแช่น้ำหั่นบางๆ ๒ ดอก

  • กุ้งสดล้างผ่าหลัง ๔ ตัว ใส่เกลือคลุกนิดหน่อยปลายช้อน

  • ผักตามชอบหั่นชิ้นเล็กๆ

  • น้ำซุป ๑/๒ ถ้วย

  • ซีอิ๊วขาว ๑ ช้อนโต๊ะ

  • น้ำเปล่า ๑ ถ้วย

วิธีทำ

  • ต่อยไข่ใส่ชาม ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำซุป น้ำเปล่าผสมให้เข้ากัน ลองชิมรสดู ปรุงรสตามชอบ


  • กรองด้วยกระชอนตาถี่ๆ แล้วเทลงถ้วยที่นึ่งได้ มีฝาปิด แบ่งได้ ๒ ถ้วย


  • ตั้งน้ำให้เดือด นำถ้วยไข่ใส่ในลังถึง ลดไฟลงอ่อนๆค่ะ นึ่ง ๑๐ นาทีพอไข่จับตัวเป็นก้อน เอากุ้งกับผักแต่งหน้าค่ะ แล้วปิดฝาตามเดิม นึ่งต่อจนสุกแล้วยกลงจากลังถึง

หรือถ้าไม่ชอบเนื้อสัตว์ หรืออาจจะให้เด็กและผู้สูงอายุรับประทาน ก็ไม่ต้องใส่กุ้งและเห็ดหอม เด็กๆ จะทานได้ง่ายขึ้นค่ะ


สรรพคุณ

นักโภชนาการชี้ว่า ไข่เป็นเสมือนสารอาหารที่เข้มข้น หากเปรียบเทียบไข่กับนม นม 1 แก้ว จะให้โปรตีนและวิตามินจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีสารอาหารเข้มข้นกว่าน้ำหวานหรือน้ำอัดลม แต่ไข่จะมีสารอาหารที่เข้มข้นยิ่งกว่านั้นอีกมากมาย เพราะไข่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นทุกตัว ยกเว้นวิตามินซีและไนอาซีน สารอาหารในไข่ ประกอบด้วย

  1. โปรตีน โปรตีนในไข่เป็นโปรตีนชนิดสมบูรณ์ จึงใช้เป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบกับโปรตีนในอาหารชนิดอื่น ๆ และโปรตีนในไข่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น ซึ่งเป็นโปรตีนพิ้นฐานที่ร่างกายต้องการและไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จึงต้องรับจากอาหาร ในไข่เป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและนำไปใช้ประโยชน์ได้ดี ฉะนั้นเด็กและหญิงมีครรภ์จึงควรบริโภคไข่ เพราะโปรตีนจะสร้างเสริมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย
  2. ธาตุเหล็ก เหล็กเป็นธาตุอาหารที่มีในไข่แดงมาก เหล็กช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยนำออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้าร่างกายขาดเปล็กจะทำให้เป็นโรคโลหิตจางได้
  3. ฟอสฟอรัสและแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน หากขาดจะทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง กระดูกจะผุหรือหักได้ง่าย
  4. วิตามินเอ ช่วยบำรุงสุขภาพตา ช่วยให้มองเห็น ปรับสภาพการมองเห็นได้ทั้งในความมือและในที่สว่าง และยังช่วยรักษาสภาพผิวให้สดชื่น ไม่แห้งเหี่ยว ช่วยบำรุงเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค
  5. วิตามินบี 2 ช่วยบำรุงผิว บำรุงประสาทนัยน์ตา ลิ้นและริมฝีปาก ป้องกันโรคปากนกกระจอก

นอกจากสารอาหารต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ไข่ยังมีคาร์โบไฮเดรต ไขมันและน้ำรวมอยู่ด้วย ไข่จึงนับได้ว่าเป็นอาหารที่ให้คุณค่ามากกว่าขนาดของฟองไข่ และมากกว่าราคาของมันด้วย