วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อาหารบรรเทาโรค

พืชผักที่กินเป็นอาหารประจําวันนั้น นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกาย ช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง

1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด
น้ำมันจากปลามีสรรพคุณปองกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิงจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

2. แพ้ละออง แพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจํา
สารในชาเขียว ช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด

4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็นประจํา
สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาท ทําให้นอนหลับฝันดี

5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทําให้หลอดลมปลอดโปร่ง

6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่
ปลาแซลมอน ปลาทูน่า (ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง )
น้ำมันปลาทําให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง

7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง
กล้วยทําให้ไม่ท้องผูก และขิงทําให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป

8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี (ไม้เมืองหนาว)
กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้

9.โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย ให้กินข้าวโพด
ช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้

10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด
ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้

11. ความจําเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ
ซึ่งในเนื้อหอยมีสารสังกะสี ช่วยบํารุงสมองได้ดี

12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทําให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง
กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง

14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รําข้าว และกะหล่ำปลี จะช่วยป้องกันได้ดี
โดยเฉพาะรําข้าว กะหล่ำปลี ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม

ข้อสําคัญ อย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต

15. มะเร็งปอด กินส้ม และ ผักใบเขียว
มีวิตามินเออยู่มาก จะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน

16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี
ซึ่งมีสารเคมีช่วยทําให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลําไส้เล็ก หายขาดได้

17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก
ช่วยให้อาการปั่นป่วนในท้อง เมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงาน ทุเลาลง

18. เส้นเลือดตีบ กินผล อโวคาโด
แก้ได้เพราะไขมันดี “โมโรอันแซตเทอเรต“ ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทําลายไขมันเลว “ คลอเลสเตอรอล “ ได้

19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่าย
พืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมีทําให้ระดับความดันเลือดลดลง

20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโคลี่ และถั่วลิสง
ซึ่งมีอินซูลิน ทําให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้

กินแบบไหนช่วยให้สมองและความจำดีขึ้น

ผศ.ดร.จินตนาภรณ์ วัฒนธร หัวหน้ากลุ่มวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและการเพิ่มประสิทธิภาพสมอง คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น เผยว่าการทำงานของสมองนั้นเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาท โดยเฉพาะ

อะซีทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพความจำของสมอง

ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) และอาหารหลายชนิดมีส่วนช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น

ในพืชผักจำพวกหอมหัวใหญ่ พริก ขิง เหล่านี้มีสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มเซลล์สมองส่วนฮิปโปแคมปัส และกระตุ้นการหลั่งอะซีทิลโคลีน ส่งเสริมให้ความจำดีขึ้นได้

สาระสำคัญในใบบัวบกช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของสมอง ทำให้สมองตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ดี สมาธิดี และความจำดีขึ้น

สารทอรีน (taurine) ที่พบเฉพาะในโปรตีนจากเนื้อสัตว์เท่านั้น ช่วยบำรุงสมองและจำเป็นต่อการดำรงอยู่ของเซลล์สมอง

กรดโฟลิก (folic acid) ที่พบมากในผักใบเขียว จำเป็นต่อการสังเคราะห์ดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยป้องกันไม่ให้ทารกที่เกิดมาพิการทางสมอง

โอเมกา 3 (omega 3) ซึ่งพบมากในปลาทะเล และเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้เซลล์ประสาททำงานได้อย่างเป็นปกติ ช่วยลดการเกิดพังผืด (plaque) ในสมองและป้องกันอัลไซเมอร์ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ 5/4/2008

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เห็ดหลินจือ


เห็ดหลินจือ ได้รับการยอมรับในการนำมารักษาโรคด้วยวิธีทางธรรมชาติ ด้วยหลักการแห่งความสมดุลของหยินหยาง เพื่อสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สรรพคุณ
  • ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น
  • ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ
  • ทำให้ความจำดีขึ้น
  • บำรุงสายตา ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น
  • ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด
  • ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่
  • รักษาและต้านมะเร็ง
  • รักษาโรคตับ
  • ขับปัสสาวะ
  • ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ
  • รักษาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  • โรคภูมิแพ้
  • โรคประสาท
  • ลมบ้าหมู
  • เส้นเลือดอุดตันในสมอง
  • อัมพาต อัมพฤกษ์
  • ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์
  • โรคเอสแอลอี
  • เส้นเลือดหัวใจตีบ
  • ตับแข็ง ตับอักเสบ
  • ปวดประจำเดือน
  • ริดสีดวงทวาร
  • อาหารเป็นพิษ
  • แผลในกระเพาะอาหารและลำใส้

เห็ดหลินจือมีสารโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นสารยับยั้งอาการต่างๆ ข้างต้น เห็ดหลินจือในแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารโพลีแซคคาไรด์ในปริมาณที่แตกต่างกัน แต่สายพันธุ์ที่มีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุด คือ เห็ดหลินจือสีแดง

เห็ดหลินจือ รักษาโรคไตได้

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทดลองใช้เห็ดหลินจือรักษาโรคไตเรื้อรัง ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเนฟโฟรสิส ชนิด focal segmental sclerosis ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

ทำไมเห็ดหลินจือถึงรักษาโรคไตอักเสบ ไตวายได้

ไตที่อักเสบจะมีใยแผลเป็นที่ไต นานเข้าจะหดรัดไต ทำให้ไตเล็กลง รวมทั้งยังรัดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต ทำให้ไตทำงานไม่ได้ ไตเกิดภาวะขาดเลือด

เห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคไตอักเสบ ไตวายได้ เพราะ
  • เห็ดหลินจือ จะช่วยละลายใยแผลเป็นให้อ่อนตัว ไม่ให้ไปรัดเส้นเลือดที่เลี้ยงไต เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงไตได้ จึงทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้น
  • เห็ดหลินจือ มีสารนิวคลีโอไชด์ มีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือด ไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายจนทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
  • เห็ดหลินจือ เป็นแอนติออกซิแดนต์สามารถขจัดอนุมูลอิสระได้
  • เห็ดหลินจือ มีโปรตีน Lz-8 ที่ปรับระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานเป็นปกติ รวมทั้งมีสารเยอรมาเนียมและสารโพลีแซคคาไรด์ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วย

ชื่อสามัญ : เห็ดหลินจือ, Ling Zhi Mushroom

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ganoderma Iucidum

ชื่อวงศ์ : Ganodermataceae

ชื่ออื่น : เห็ดหมื่นปี เห็ดหิ้ง เห็ดขอนไม้ เห็ดสวรรค์พันปี เห็ดศักดิ์สิทธิ์ เห็ดนำโชค

เคล็ดลับการทำอาหาร

การแก้กลิ่นคาวจัดของปลา

เวลาไปซื้อปลาบางชนิดจะคาวมากๆ เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าตามร้านข้าวต้มหัวปลา หรือข้าวต้มต่างๆ เค้าทํายังไงปลาถึงไม่คาว ง่ายมากๆ คือ ก่อนอื่นให้ล้างปลาสัก 2 น้ำก่อน แล้วเตรียมน้ำใหม่ที่กะว่าแช่ปลาได้ท่วม แล้วให้นําสารส้มมาแกว่งในน้ำนะคะ จากนั้นนําปลาลงมาแช่ไว้ประมาณ 15 นาทีค่ะ พอนําขึ้นมาก็ให้ล้างอีก 1 ครั้ง รับรองปลาไม่เหม็นคาวค่ะ

การต้มปลาไม่ให้คาว

ให้ใส่ใบชาจีนลงไปในหม้อต้มสัก 5-6 ใบ ก็จะช่วยในการดับกลิ่นคาวของปลาได้หรือถ้าคุณไม่สะดวกในการหาใบชาจีนแล้วล่ะก็ให้ใช้หอมแดงทุบ สัก 2-3 หัวก็จะเพิ่มรสชาติของปลาต้มให้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ แต่ที่สําคัญ คุณควรจะใส่ปลาลงไปในขณะที่น้ำเดือดพล่านและห้ามคนเนื้อปลาเด็ดขาดจนกว่าปลาจะสุก

การเก็บกุ้งให้อยู่นานๆ และนํากลับมาใช้ได้อีก

อ่านหัวข้อแล้วงงมั้ยคะ อ่ะๆ อย่าเพิ่งไปงงค่ะ เรื่องของเรื่องคือว่า กุ้งส่วนใหญ่เวลาเราซื้อมา เรามักจะเก็บมันไว้ยากนะคะ ถึงจะเก็บได้แต่บางทีมันก็มีกลิ่นคาว ไม่สดค่ะ จะนํามาปรุงอาหารก็คงไม่ค่อยจะดีใช่มั้ยคะ และวันนี้จะเอาเคล็ดลับการเก็บรักษากุ้งแบบที่เก็บแล้วสามารถนําออกมาทําอาหารกันได้อีกไงคะ วิธีง่ายๆค่ะ เพียงแค่นึ่งกุ้งทั้งเปลือกแล้วนําไปแช่เย็นเลือกแช่ในช่อง freeze เลยก็ได้ค่ะ แต่มีข้อเสียตรงที่รสชาติกุ้งจะไม่เหลือ ถ้ามั่นใจว่าตู้เย็นในช่องธรรมดาเย็นพอ ก็แช่ในช่องเก็บเนื้อสัตว์ก็ได้ค่ะ หรืออีกวิธีคือ แกะเปลือกออกแล้วนําไปอบในกระทะโดยไม่ต้องใส่น้ำ ใส่เกลือนิดหน่อย แล้วปิดฝาไว้ จนสุกก็ใส่กล่อง แล้วนําไปแช่เย็น วิธีเหล่านี้จะสามารถเอากลับมาทําอาหารได้หลายอย่าง เช่น ข้าวผัด ข้าวต้ม แต่คงหมดสิทธิ์นําไปทํายํานะคะ ถ้าจะทํายําแนะนําให้ใช้กุ้งสดๆ ทําดีกว่า จะได้รสชาติหวานอร่อย

ทอดอาหารไม่ให้น้ำมันกระเด็น

ตั้งกะทะและน้ำมันให้ร้อน ก่อนนําอาหารลงทอดให้โรยแป้งสาลีลงไปในน้ำมันนิดหน่อย เวลาทอดน้ำมันจะไม่กระเด็นขึ้นมาค่ะ

การเก็บพริกสดให้อยู่นานถึง 1 เดือน

เวลาซื้อพริกมาไม่ต้องเอาไปล้างน้ำ ให้ห่อกระดาษแล้วเก็บใส่พลาสติกปิดฝาให้แนนจากนั้นนําใสตู้เย็น หากไม่มีตู้เย็นให้ห่อกระดาษให้แน่นๆ หลายๆ ชั้นแล้วก็ตั้งไว้ในที่เย็นๆหน่อย อย่าให้ร้อน รับรองจะเก็บได้นานเป็นเดือนเลย เวลาจะใช้แต่ละครั้งก็แกะออกมาแล้วก็ห่อไว้เหมือนเดิม

การผัดผักให้หอมน่ารับประทาน

ให้นําขิงซอยลงไปเจียวแทนกระเทียม เวลาผัดจะได้กลิ่นหอม ถ้าจะให้ดีควรผัดให้เครื่องปรุงแห้งที่สุดไม่แฉะ ใช้ไฟให้แรงและผัดให้เร็วที่สุด อย่าให้นาน จะได้คงวิตามินไว้ และถ้าเติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย จะเพิ่มรสชาติและช่วยให้รักษาวิตามินซีได้ด้วย

ต้มข้าวโพดให้หอมหวาน

การต้มข้าวโพดให้หอมหวาน ต้องต้มทั้งฝักโดยยังไม่แกะเปลือกค่ะ แล้วหยดนมสดลงไปสักครึ่งแก้ว รับรองว่าหอมหวานแน่นอน

ต้มเนื้อปลาไม่ให้เละ

เวลาต้มปลาให้บีบมะนาวลงไปในน้ำต้มปลาสักนิด จะทําให้เนื้อปลาแน่นไม่เละ สําหรับอาหารบางชนิดก็ควรปรุงรสก่อนแล้วจึงใส่ปลา เช่น แกงส้ม จะทําให้ปลาไม่เละ

วิธีต้มไข่ไม่ให้แตก และได้คุณค่า

เวลาต้ม ควรใส่ไข่พร้อมกับน้ำ แล้วนำขึ้นต้ม ไม่ควรต้มน้ำจนเดือดแล้วค่อยใส่ไข่เพราะจะทำให้ไข่เด้งตามน้ำแล้วแตกได้ ควรต้มเลยเพื่อที่ไข่จะได้สุกเริ่มแข็งไปพร้อมๆกับน้ำ เวลาต้มควรใช้ไฟอ่อนและเติมเกลือลงไปในน้ำทุกครั้งที่ต้มไข่ เมื่อต้มสุกแล้วควรตักไปแช่ในน้ำเย็นทันที จะทำให้ได้ไข่ต้มที่นิ่มรับประทานอร่อยอีกทั้งยังย่อยง่ายอีกด้วย

วิธีผัดผักที่มีก้านแข็ง

อย่างผักคะน้า ผักกะหล่ำปลี พวกนี้ผัดให้อร่อยได้ยาก ถ้าน้ำมัน ความร้อน และความชุ่มชื้นไม่พอ วิธีที่ดีที่สุดคือควรปิดฝาทันทีเวลาใส่ผักลงไปผัด หรือจะใช้น้ำพรมเล็กน้อยก็ได้ ถ้ามีน้ำมันหอย ให้ใช้น้ำมันหอยผสมลงไปสัก 2 ช้อนโต๊ะ ไม่ต้องใช้ซีอิ๊วดำและน้ำปลา เพราะน้ำมันหอยเค็มอยู่ในตัวแล้ว

หุงข้าวให้ขาวร่วน

ให้ใส่น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ลงในน้ำหุงข้าว เมื่อข้าวสุก จะทำให้เมล็ดข้าว ขาวและแยกตัวร่วน น่าทาน

ปลาแก้อาการปวดหัว

กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อมๆ กับขิงจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

วิธีดับกลิ่นหืนของน้ำมัน

น้ำมันพืชเก็บไว้นานๆบางทีมีกลิ่นเหม็นหืน เมื่อนําไปทอดทําให้อาหารไม่อร่อยมีวิธีแก้ คือ เมื่อเทน้ำมันลงไปแล้ว ให้ใส่ใบเตยหรือหอมแดงทุบพอแตกลงไปด้วย จะทําให้กลิ่เหม็นหืนหายไป

ดับกลิ่นเหม็นของหัวหอมและกระเทียม

ถ้ามีดของคุณติดกลิ่นเหม็นของหอมและกระเทียมให้กำจัดด้วยการใช้มีดเฉือนมันฝรั่งดิบ และ เอารากต้นคื่นช่ายมาขัด

แก้ความแสบร้อน จากอาหารรสเผ็ด

เมื่อรับประทานอาหารเผ็ด จะทำให้ลิ้นและปากรู้สึกแสบร้อน สามารถแก้ได้โดยการอมเกลือป่นกับน้ำ กลั้วสัก 2-3 นาทีจะดีขึ้น