สะระแหน่นั้นมีสรรพคุณมากมาย ใบและลำต้นสะระแหน่มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วยสารเมนทอล (Menthol) ไลโมนีน (Limonene) นีโอเมนทอล (Neomenthol) เป็นต้น ใบสะระแหน่จึงมีคุณสมบัติในการแต่งกลิ่น แก้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
นอกจากนี้สะระแหน่ยังมีสารอาหารหลายอย่าง เช่น โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 2 วิตามินซี ปัจจุบันได้สกัดสารจากสะระแหน่ไปใช้ทำลูกอมสะระแหน่ไว้ใช้อม หรือที่เรียกว่า ลูกอมมินต์
สรรพคุณ
- เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ รักษาอาการหวัดได้
- แก้อาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ โดยนำน้ำที่คั้นจากต้น และใบมาใช้ดื่ม ก็จะช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร
- ดับกลิ่นปากก็ยังได้ โดยการกินสดๆ
- การบริโภคสะระแหน่ ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง โล่งคอ นอนหลับสบาย
- บำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามินเอสูง
- บำรุงหัวใจ ต้านมะเร็ง เพราะสะระแหน่มีเบต้าแคโรทีนสูง
สรรพคุณทางยา
- แก้อาการปวดศีรษะ ปวดฟัน เจ็บคอ เจ็บปาก เจ็บลิ้น ให้ดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่ 5 กรัม กับน้ำ 1 ถ้วย ผสมเกลือเล็กน้อย วันละ 2 ครั้ง
- แก้อาการบิดท้องร่วง อุจจาระเป็นเลือด ใช้ใบสะระแหน่ต้มกับน้ำดื่ม
- แก้พิษ แมลงสัตว์กัดต่อย ทำได้โดยตำใบสะระแหน่ให้ละเอียด แล้วพอกบริเวณที่โดนกัด อย่าลืมว่าใบสะระแหน่ที่สดและอ่อน จะมีคุณค่ามากกว่าใบสะระแหน่แห้ง
- ช่วยดับกลิ่นคาว ยอดสะระแหน่นั้นรับประทานเป็นผักสดก็ได้ หรือกินกับน้ำพริก ลาบ น้ำตก พล่า ยำ หรือแต่งกลิ่นหอม ๆ ใส่ต้มยำ ช่วยดับกลิ่นได้ดี
- แก้อาการอาหารไม่ย่อย โดยใช้ใบสะระแหน่ต้มกับน้ำดื่ม
- แก้หวัดน้ำมูกไหลจามไอบ่อย ๆ หรือจะเป็นไข้หวัด ใช้ใบสะระแหน่ต้มกับเต้าหู้ดื่ม
- แก้อาการเกร็งกล้ามเนื้อ แก้ปวดบวมผื่นคัน ใช้ใบสะระแหน่ตำให้ละเอียดพอกหรือทา
- ห้ามเลือดกำเดาได้ โดยใช้สำลีชุบน้ำที่คั้นจากใบสะระแหน่ หยอดที่รูจมูก
- รักษาแผลในปาก ใช้ใบสะระแหน่ต้มใส่เกลือเล็กน้อยดื่ม
- แก้อาการปวดหู โดยนำน้ำคั้นจากใบสะระแหน่หยอดหู จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี
- แก้อาการหน้ามืดตาลาย โดยรับประทานน้ำต้มใบสะระแหน่และขิง
ชื่อสามัญ : สะระแหน่
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Metha cordifolia Opiz.
ชื่อวงศ์ : Labiatae
ชื่ออื่น : หอมด่วน หอมเดือน (ภาคเหนือ), มักเงาะ สะแน่ (ภาคใต้), สะระแหน่สวน (ภาคกลาง), ขะแยะ (อีสาน)
ชื่ออังกฤษ : Kitchen Mint, Marsh Mint
ที่มา : http://ramaclinic.ra.mahidol.ac.th/herb/herb0021.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น