- ข้าวโพดหวาน 1 1/2 ถ้วยตวง
- หมูสับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/3 ถ้วยตวง (ส่วนที่ 1)
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วยตวง (ส่วนที่ 2)
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำมันสำหรับทอด
- ข้าวโพดปอกเปลือกฝานบางๆ เอาแต่เนื้อข้าวโพด
- โขลกข้าวโพดที่ฝานแล้วเบาๆ ในครก โขลกพอให้ข้าวโพดมีน้ำออกมานิดหน่อย
อย่าให้เละ - ผสมข้าวโพด เนื้อหมูบด เกลือ น้ำตาลทราย ไข่ไก่ นวดให้เข้ากัน
- ผสมแป้งส่วนที่ 1 ลงในส่วนผสมข้าวโพด นวดจนเข้ากันดี
- นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดใหญ่เล็กแล้วแต่สะดวก แต่อย่าให้ใหญ่มาก เดี๋ยว
ทอดแล้วข้างในไม่สุก แล้วกดให้แบนเล็กน้อย - นำไปเคล้าแป้งสาลีแห้งส่วนที่ 2 บางๆ
- ตั้งกะทะน้ำมันให้ร้อนจัด ลดไฟลงเหลือปานกลาง
- นำส่วนผสมข้าวโพดลงทอดในน้ำมันจนสุกเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟ
กับน้ำจิ้ม
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- พริกชี้ฟ้าแดงโขลกละเอียด 1 เม็ด
- ถั่วลิสงคั่วบด 2 ช้อนโต๊ะ
- แตงกวาหั่น 1 ผล
วิธีทำน้ำจิ้ม
- ผสมน้ำตาล น้ำเปล่า น้ำส้ม เกลือป่น ให้เข้ากัน ตั้งไฟเคี่ยวให้เดือดสักครู่ ยกลง
- ผสมพริกแดงโขลก ทิ้งให้เย็น เวลาเสิร์ฟใส่ถั่วลิสงคั่วป่น แตงกวา
สรรพคุณข้าวโพด
- ล้างสารพิษ ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายได้สูง เนื่องจากว่ามันจะปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระออกมามาก นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด เขาได้ทดลองต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22%, 44% และ 53% ตามลำดับ
- ช่วยชะลอโรคต้อกระจก และโรคสมองเสื่อม อันเนื่องมาจากความชรา ข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก (Ferulic acid) อันเป็นคุณกับร่างกาย เมื่อข้าวโพดถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นจะยิ่งปล่อยกรดนี้มากขึ้น จากการทดลองเดียวกันพบว่า เมื่อต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้กรดเฟรุลิกถูกปล่อยออกมาเป็นปริมาณ 240%, 550% และ 900% ตามลำดับ กรดเฟรุลิกเป็นพวกพฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น