แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมุนไพรลดความดันเลือด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมุนไพรลดความดันเลือด แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปัญจขันธ์ หรือ เจียวกู่หลาน

ปัญจขันธ์  มีชื่อจีนว่า เจียวกู่หลาน หรือเซียนเฉา ( สมุนไพรอมตะ ) มีชื่อญี่ปุ่นว่า  อะมาซาซูรู (ชาหวานจากเถา ) มีชื่ออังกฤษว่า Miracle grass, Southern ginseng หรือ 5-Leaf ginseng (โสม 5 ใบ)



สรรพคุณ

สมุนไพรปัญจขันธ์หรือเจียวกู่หลาน  มีสรรพคุณใช้บำรุงร่างกาย ระงับประสาท ช่วยให้นอนหลับ ลดความตื่นเต้น ลดความดันในโลหิต ลดคอเลสเตอรอล และกรดไขมันอิสระ ลดน้ำตาลในเลือด ชะลอความชรา ยืดอายุของเซลล์เพิ่มจำนวนอสุจิ รักษาโรคปวดหัวข้างเดียว ช่วยควบคุมน้ำหนัก ได้โดยไม่ต้องอดอาหาร และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการควบคุมการเจริญของเซลล์มะเร็ง และสามารถควบคุมการแพร่การเจริญของเซลล์มะเร็งเองได้ รวมทั้งสามารถยับยั้งการทำงานของเชื้อ HIV

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

คื่นช่าย

สารเคมีที่พบในใบคึ่นช่าย เป็นสารจำพวกน้ำมันหอมระเหย กรดอินทรีย์ Carotene วิตามินซีและเกลือแร่ คึ่นช่ายเป็นพืชที่มีกลิ่นฉุน ความฉุนนี่เองที่แสดงว่าคึ่นช่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งชื่อ ฟีนอลิค อยู่มาก จึงสามารถนำมาใช้ชะลอความเสื่อมของร่างกายโดยรวมได้ดีพอสมควร คนโบราณนิยมเอากลิ่นของคึ่นช่ายมาดับคาวปลา ดังนั้นคึ่นช่ายจะมักจะขึ้นโต๊ะคู่กับปลาเสมอ

คุณสมบัติทางยาของคึ่นช่ายตามตำราจีน คือช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันเลือด ในทางการแพทย์แผนโบราณถือว่า คึ่นช่าย มีรสหวาน เย็น ไม่มีพิษ

สรรพคุณ
  • ปรับประจำเดือนให้เป็นปกติ
  • แก้อักเสบ
  • ลดความดันเลือด
  • ดับร้อน
  • แก้ไอ
  • บำรุงกระเพาะ
  • ขับปัสสาวะ ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
เนื่องจากใบคึ่นช่ายมีเกลือแร่ จำพวกแคลเซียม และฟอสฟอรัสอยู่มาก จึงเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูก และฟัน และยังมีฤทธิ์ ช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือด ป้องกันเด็กเป็นโรคกระดูกอ่อน และช่วยบำรุงครรภ์ด้วย และยังมีฤทธิ์ ช่วยบำรุงสมอง ช่วยความจำ และป้องกันโรค Silicosis

สำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีอาการปวดมึนศีรษะ ถ้ากินคึ่นช่ายสดเป็นประจำจะมีผลดีในการรักษา แต่มีข้อระวังอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่ควรจะผัดหรือต้มคึ้นช่ายให้ สุกมากเกินไป เพราะความร้อนสามารถทำลายวิตามินและเกลือแร่ในคึ่นช่ายได้

คื่นช่ายมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 6.96

ข้อควรระวัง ห้ามใช้คึ่นช่ายกับคนที่เป็นโรคไต

ชื่อสามัญ คึ่นช่าย (Celery หรือ Smallage)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Apium graveolens Linn.

ชื่อวงศ์ UMBELLIFERAE

ชื่ออื่นๆ ชื่อพื้นเมือง ผักข้าวปืน ผักปืน ผักปืม (เหนือ)

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มะรุม

สรรพคุณ

มะรุมมีฤทธิ์ขับลมและจัดอยู่ในยารสร้อน ทานมากโดยไม่มีการขับออก ก็อาจทำให้โลหิตร้อนได้ โดยปกติยาไทยจะเข้ามะรุมเมื่อต้องการให้ยามีสรรพคุณในการขับลม แต่ปัจจุบันด้วยแนวคิดทานสมุนไพรแบบยาแผนปัจจุบัน จึงเกิดอาการข้างเคียง ถ้าจะทานสมุนไพร ควรทานเป็นอาหาร เช่น ยอดมะรุมลวกทานกับน้ำพริก หรือแกงส้มมะรุม ถ้าทานเช่นนี้จะไม่มีปัญหา

ใบมะรุม

  • มีวิตามินซีช่วยป้องกันหวัดมากกว่าส้ม ถึง 7 เท่า
  • มีธาตุแคลเซียมบำรุงกระดูกมากกว่านมถึง 4 เท่า
  • มีวิตามินเอบำรุงสายตามากกว่าแครอท 4 เท่า
  • มีโปรตีนมากกว่านมสด 2 เท่า
  • มีธาตุโพแทสเซียมบำรุงสมองและระบบประสาทมากกว่ากล้วย 3 เท่า
ในใบมะรุมมีสารอยู่หลายชนิดดังที่ได้กล่าวมา ในทางการแพทย์จะช่วยใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ใช้ควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ถ้ามีการใช้ควบคู่กับยาแผนปัจจุบันจะช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรครูมาติซั่มและรักษาโรคตาได้เกือบทุกชนิด

สรรพคุณทางยา

ฝัก ปรุงเป็นอาหารรับประทานแก้ไข้หัวลม

เปลือกต้น มีรสร้อน รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก)

ราก มีรสเผ็ด หวานขม แก้บวม บำรุงไฟธาตุ มีคุณเสมอกับกุ่มบก แก้พิษ ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ

ชะลอความแก่สำหรับสรรพคุณของมะรุมในการชะลอความชรานั้นยังไม่พบรายงานการวิจัย แต่
เนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ที่สำคัญคือ รูทิน (rutin) และเควอเซ
ทิน (quercetin) ทั้งยังมีสารลูทีน (lutein) และกรดแคฟฟีโอลิลควินิก
(caffeoylquinic acids) ซึ่งทั้งหมดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อม
สภาพของเซลล์ในร่างกาย

ฆ่าจุลินทรีย์ในปี ๒๕๐๗ มีการค้นพบสารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ (Benzyl
thiocyanate glycoside) และเบนซิลกลูโคซิโนเลต (Benzyl glucosinolate) ใน
มะรุมซึ่งมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ นำมาสู่การใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู ปัจจุบัน
กำลังมีการศึกษาสารจากมะรุมในการต้านเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori ที่ทำให้
เกิดโรคกระเพาะอาหาร

ป้องกันมะเร็ง
การทดลองฤทธิ์ต้านมะเร็งในหนูพบว่า หนูที่ได้รับฝักมะรุมเป็นอาหารเกิดโรคมะเร็ง
ผิวหนังจากการกระตุ้นน้อยกว่ากลุ่มควบคุมโดยกลุ่มที่กินมะรุมมีเนื้องอกบนผิวหนัง
น้อยกว่ากลุ่มควบคุม สรุปได้ว่าสารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ชนิดหนึ่งและ
สารไนอาซิไมซิน (niazimicin) จากมะรุม สามารถต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้น
โดยสารฟอร์บอลเอสเทอร์ (Phorbol ester) ในเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้

ลดไขมันและคอเลสเตอรอลในส่วนของการลดไขมันและคอเลสเตอรอล จากการทดลอง ๑๒๐ วันให้กระต่ายกิน
ฝักมะรุมวันละ ๒๐๐ กรัมต่อกิโลกรัม น้ำหนักตัวต่อวัน เทียบกับยาโลวาสแททิน
(Lovastatin) ๖ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวัน และให้อาหารไขมันสูง พบว่า
ทั้งกลุ่มที่กินมะรุมและยามีคอเลสเตอรอล ฟอสโฟลิพิด ไตรกลีเซอไรด์ VLDL LDL
ปริมาณคอเลสเตอรอลต่อฟอสโฟลิพิด และ atherogenic index ต่ำลง ทั้ง ๒ กลุ่มมี
การสะสมไขมันในตับ หัวใจ และหลอดเลือดแดงใหญ่ (เอออร์ตา) ส่วนกลุ่มควบคุม
ปัจจัยด้านการสะสมไขมันในอวัยวะเหล่านี้ไม่มีค่าลดลงแต่อย่างใด กลุ่มที่กินมะรุม
พบการขับคอเลสเตอรอลในอุจจาระเพิ่มขึ้น ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการกินมะรุมมีผลลด
ไขมันในร่างกาย

ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่เป็นโรคอ้วนมาแต่เดิม การศึกษา
การกินสารสกัดใบมะรุมในหนูที่กินอาหารไขมันสูง มีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด
ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนี้ในหนูที่กินสารสกัดใบ
มะรุมยังมีปริมาณไขมันในตับและไตลดลง สรุปว่าการให้ใบมะรุมเพื่อลดปริมาณ
ไขมันนั้น ทางการแพทย์อินเดียสามารถวัดผลได้ในเชิงวิทยาศาสตร์จริง

ฤทธิ์ป้องกันตับนอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ทำในหนูทดลองพบว่า สารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันโรค
ตับอีกด้วย

งานวิจัยการให้สารสกัดแอลกอฮอล์ของใบมะรุมกรณีทำให้ตับหนูทดลองเกิดความ
เสียหายโดยยาไรแฟมไพซิน พบว่าสารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันตับ โดยมีผลกับ
ระดับเอนไซม์แอสาเทคอะมิโนทรานสเฟอเรสอะลานีนทรานมิโนทรานสเฟอเรส
อัลคาไลน์ฟอสฟาเทสและบิลิรูบินในเลือด
และมีผลกับปริมาณโลหิตและไลพิดเพอร์ออกซิเดสในตับ โดยผลยืนยันจากการ
ตรวจชิ้นเนื้อตับ สารสกัดใบมะรุมและซิลิมาริน มีผลช่วยการพักฟื้นของการถูก
ทำลายของตับจากยาเหล่านี้

ประโยชน์ของมะรุม
  1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดได้เป็นอย่างดี
  2. ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
  3. รักษาโรคความดันโลหิตสูง
  4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
  5. ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ การรักษาโรคเอดส์ที่ประสพผลสำเร็จในกลุ่มประเทศแอฟริกา
  6. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง แต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน
    หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง
  7. ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์ โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม
  8. รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น หากรับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที่สมบูรณ์
  9. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง ท้องเสีย ท้องผูก โรคพยาธิในลำไส้
  10. รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ
  11. เป็นยาปฏิชีวนะ

ชื่อสามัญ มะรุม

ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam.

ชื่อวงศ์ Moringaceae

ชื่ออื่นๆ อีสานเรียก “ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม” ภาคเหนือเรียก “มะค้อมก้อน” ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก “กาแน้งเดิง” ส่วนชานฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก “ผักเนื้อไก่”

ฟ้าทะลายโจร


สรรพคุณ
ใบ รักษาแผลน้ำร้อนลวก แก้ไฟไหม้ โดยนำมาบดผสมกับน้ำ้มันพืช ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล

ต้น แก้บิดชนิดติดเชื้อ แก้ทางเดินอาหารอักเสบ แก้หวัด แก้ปอดอักเสบและแก้อาการท้องเดิน โดยใช้ต้นประมาณ 1-3 กำ แล้วต้มกับน้ำดื่ม

ฟ้าทะลายโจร เหมาะสำหรับ "หวัด ร้อน" คืออาการที่เหงื่อออก เจ็บคอ กระหายน้ำ ท้องผูก ปัสสาวะมีสีเข้ม แต่ฟ้าทะลายโจร จะไม่เหมาะกับผู้ที่มี อาการของ "หวัดเย็น" คือ ไม่มีเหงื่อ อุ้งมือ อุ้งเท้าเย็น ปัสสาวะมาก รู้สึกหนาวสะท้าน"

ฟ้าทะลายโจร ยาที่มีความหมายในตัวเองไม่น้อย เพราะแม้แต่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าฟ้าประทานมาให้ปราบโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ซึ่งเปรียบเสมือน เหล่าโจรร้าย ส่วนในภาษาจีนกลาง ยาตัวนี้มีชื่ออย่างเพราะพริ้งว่า "ชวนซิเหลียน" แปลว่า "ดอกบัวอยู่ในหัวใจ" ซึ่งมีความหมายสูงส่งมาก วงการ แพทย์จีนได้ยกฟ้าทะลายโจรขึ้นทำเนียบ เป็นยาตำราหลวงที่มีสรรพคุณโดดเด่นมากตัวหนึ่ง ที่สำคัญคือสามารถใช้เป็นยาเดี่ยวเพียงตัวเดียวก็มี ฤทธิ์แรงพอ ที่จะรักษาโรคได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในสมุนไพรตัวอื่น

สำหรับความโดดเด่นของฟ้าทะลายโจรนั้น มีสารสำคัญในการรักษาโรค คือ สารแอนโดรแกรโฟไลด์ (Andrographpolide) ซึ่งทางวงการแพทย์ จีนกำหนดว่ามี 1.5% ก็ใช้เป็นยาได้แล้ว และเป็นที่น่ายินดีที่ใบฟ้าทะลายโจรในเมืองไทยมีสารสำคัญตัวนี้ถึง 1.7% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับยาตัวใหม่ แล้ว ฟ้าทะลายโจรจัดอยู่ในจำพวกยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลลินและเตตราซัยคลิน ซึ่งเป็น ยาแผนปัจจุบันครอบจักรวาลเลยทีเดียว แต่ปลอดภัยกว่า เพราะไม่มีพิษต่อตับ และไม่ตกค้างในร่างกาย ซ้ำยังมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคบางอย่างดีกว่ายาแผนปัจจุบันเสียอีก นอกจากนี้ยังมี การทดลองทางคลินิกของโรงพยาบาลบำราศนราดูร พบว่าสมุนไพรฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาโรคบิด ท้องร่วงและโรคท้องเสีย ชนิดเฉียบพลัน ได้ดีเท่ากับเตตราซัยคลิน

ฟ้าทะลายโจรจึงไม่เพียงแก้ร้อนในได้ผลเท่านั้น หากยังสรรพคุณเด่นแก้ไข้หวัด ตัวร้อน ระงับการอักเสบเจ็บคอ แก้ติดเชื้อ และเป็นยาขมเจริญอาหาร จึงนับได้ว่าฟ้าทะลายโจรเป็นยาครอบคลุม ได้กว้างขวางเหมาะสำหรับเป็นยาสามัญประจำบ้านแบบไทย ๆ ได้อย่างดียิ่ง

ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เริ่มที่จะสนใจสมุนไพรสารพัดประโยชน์ตัวนี้ เขามีเคล็ดลับในการกินยาฟ้าทะลายโจรให้ได้ผลดี ดีซึ่งเคล็ดลับนั้นมีอยู่ว่า จะต้องกินตอนเริ่มมีการอาการเป็นไข้ เจ็บคอ และท้องเสีย โดยกินครั้งละ 5 เม็ดขึ้นไป แต่ถ้ามีอาการมากให้กินได้ถึงครั้งละ 10 เม็ด วันละ 3-4 เวลา ก่อนอาหาร ถ้ากินเป็นยาขมเจริญอาหาร แก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย ใช้ขนาดตั้งแต่ 3-4 เม็ด

หรือหากบริเวณบ้านของคุณพอจะมีที่ว่างอยู่สักหน่อยก็ลองหาฟ้าทะลายโจรมาปลูกกันดู ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชที่ขึ้นได้ง่ายสามารถปลูกได้ดีทุกสภาพ แวดล้อม ซึ่งเราสามารถใช้ส่วนใบของ ฟ้าทะลายโจรมากินสดได้เลยก็จะยิ่งดี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟ้าทะลายโจรจะมีประโยชน์ในการรักษาโรคอย่างกว้างขวางและแม้ว่าฟ้าทะลายโจรจะดูเหมือนจะมีพิษน้อย แต่เนื่องจากเป้น ยาเย็นจัด การกินฟ้าทะลายโจรรักษาโรคนาน ๆ ติดต่อกันหลายปีอาจจะเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น มีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย แขนขาไม่มีแรง เป็นต้น แต่ถ้ากินวันละ 1-2 เม็ด เป็นยาอายุวัฒนะสามารถกินได้เรื่อย ๆ ไม่มีพิษอะไร

จากประสบการณ์ของผู้ใช้ มีข้อสังเกตว่าผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร เพราะยาฟ้าทะลายโจรตัวนี้เป็นยาที่มีสรรพคุณในการลดความดันอยู่แล้ว ถ้าหากผู้ที่เป็นโรคความดันต่ำ และมาใช้ฟ้าทะลายโจรจะทำให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน มึนงง วิธีแก้คือหยุดยาทันที ภายใน 3-4 ชั่วโมง อาการจะดีขึ้น เพราะตัวยาสามารถถูกขับออกไปไม่มียาตกค้างในร่างกาย

ข้อควรระวัง
ฟ้าทะลายโจรที่เหมาะสำหรับ "หวัด ร้อน" คือ อาการที่เหงื่อออก เจ็บคอ กระหายน้ำ ท้องผูก ปัสสาวะมีสีเข้ม แต่ฟ้าทะลายโจร จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการของ "หวัดเย็น" คือ ไม่มีเหงื่อ อุ้งมืออุ้งเท้าเย็น ปัสสาวะมาก รู้สึกหนาวสะท้าน ถ้าเป็นหวัดเย็น แล้วกินฟ้าทะลายโจรอาการ จะกำเริบขึ้นได้ เช่น หนาวสั่น คลื่นไส้ ดังนั้นก่อนที่จะกินฟ้าทะลายโจรแก้ไข้ จึงควรพิจารณาในเรื่องเหล่านี้ด้วย

ชื่อสามัญ King of bitterness

ชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata Wall.ex Ness.

ชื่อวงศ์ Acanthaceae

ชื่ออื่นๆ ซิปังกี (จีน) , น้ำลายพังพอน (ไทย)


ฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญจำพวก diterpene lactones หลายชนิด ได้แก่ andrographolide , neoandrographolide , deoxyandrographolide , deoxy-didehydroandrographolide

แกงส้มมะรุม

เครื่องปรุง

  • ฝักมะรุม 1 กิโลกรัม
  • กุ้งแม่น้ำ 6 – 8 ตัว
  • น้ำพริกแกงส้ม 150 กรัม
  • น้ำปลา 1.5 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลปี๊บ 3 – 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ลิตร
  • มะขามเปียก 3/4 ถ้วยตวง
วิธีเตรียมส่วนประกอบ

มะรุม นำมาปอกผิวด้วยมีด ให้ผิวด้านนอกที่เป็นสีเขียวแข็งออก หรือถ้าชอบที่จะทานแบบมีใยไว้สำหรับเคี้ยวให้สนุกปาก ก็ใช้มีดขูดผิวให้สีเขียวด้านนอกของฝักมะรุมออกให้สะอาด จากนั้นตัดมะรุมเป็นท่อนๆ ละ 2 - 2.5 นิ้ว ตามชอบ ล้างน้ำให้สะอาดพักไว้



กุ้ง อาจจะใช้กุ้งแม่น้ำ หรือจะเป็นกุ้งแชบ๊วยก็ได้ นำมาผ่าหลังเอาเส้นดำออก แล้วล้างให้สะอาดพักไว้

น้ำพริกแกงส้ม
  • หัวหอมแดงปอกเปลือก ล้างสะอาดก่อนซอยบาง 8 หัว
  • พริกชี้ฟ้าแดง ตัดขวางเม็ดนำเมล็ดออก 6 เม็ดใหญ่
  • พริกขี้หนูแห้ง นำขั้วออกแช่น้ำ 6 - 8 เม็ด
  • ขมิ้นเหลืองสด ปอกเปลือกสะอาด 1 แง่ง
  • กะปิ นำไปห่อใบตองย่างไฟกลางให้หอม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำพริกแกงส้ม
  1. นำพริกแห้งทั้งใหญ่และพริกขี้หนูที่แช่น้ำแล้วจนนิ่ม นำมาบีบน้ำให้แห้ง ใส่ในครกลงตำให้ละเอียด
  2. นำหัวหอมแดงใส่ตำจนละเอียดเข้ากันดี
  3. จากนั้นใส่ขมิ้นหั่นชิ้นเล็ก ตำผสมให้เข้ากันดี
  4. แล้วจึงใส่กะปิที่ย่างไฟหอมลงตำให้เข้ากัน พักไว้
น้ำมะขามเปียก ใช้มะขามเปียกที่สีสดใหม่ 250 กรัม ล้างน้ำสะอาดก่อนแช่กับน้ำร้อน 500 กรัม จนนิ่ม ใช้มือคั้นให้ได้น้ำมะขามเปียก จากนั้นนำมากรอง

วิธีทำแกงส้ม

  • นำน้ำตั้งไฟให้เดือด ใส่พริกแกงส้มที่ตำไว้แล้ว ละลายให้เข้ากัน
  • พอน้ำแกงเดือดให้ใส่มะรุมลงไป ปิดฝาหม้อ พอเดือด ช้อนฟองที่ลอยอยู่บนน้ำแกงออกบ้าง
  • ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขาม ให้รสชาติออกหวาน เค็ม เปรี้ยว พร้อมกัน
  • เคี่ยวไฟพอเดือดจนมะรุมนุ่มดีแล้วจึงใส่กุ้งสดที่ทำสะอาดแล้วลงไป เร่งไฟให้น้ำแกงเดือดจนกุ้งสุกเป็นใช้ได้
สรรพคุณ

มะรุมมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต แก้ไข้ ป้องกันโรคตับ ชะลอความแก่

เคล็ดลับการทำแกงส้ม
  • น้ำแกงต้องไม่ข้นหรือใสจนเกินไป
  • ต้องให้มะรุมสุกก่อน จึงปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ไม่เช่นนั้นผักจะไม่นุ่ม
  • แกงส้มถ้าทิ้งค้างคืนไว้รสชาติจะเข้มข้นอร่อยขึ้น