แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมุนไพรรักษามะเร็ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมุนไพรรักษามะเร็ง แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปัญจขันธ์ หรือ เจียวกู่หลาน

ปัญจขันธ์  มีชื่อจีนว่า เจียวกู่หลาน หรือเซียนเฉา ( สมุนไพรอมตะ ) มีชื่อญี่ปุ่นว่า  อะมาซาซูรู (ชาหวานจากเถา ) มีชื่ออังกฤษว่า Miracle grass, Southern ginseng หรือ 5-Leaf ginseng (โสม 5 ใบ)



สรรพคุณ

สมุนไพรปัญจขันธ์หรือเจียวกู่หลาน  มีสรรพคุณใช้บำรุงร่างกาย ระงับประสาท ช่วยให้นอนหลับ ลดความตื่นเต้น ลดความดันในโลหิต ลดคอเลสเตอรอล และกรดไขมันอิสระ ลดน้ำตาลในเลือด ชะลอความชรา ยืดอายุของเซลล์เพิ่มจำนวนอสุจิ รักษาโรคปวดหัวข้างเดียว ช่วยควบคุมน้ำหนัก ได้โดยไม่ต้องอดอาหาร และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการควบคุมการเจริญของเซลล์มะเร็ง และสามารถควบคุมการแพร่การเจริญของเซลล์มะเร็งเองได้ รวมทั้งสามารถยับยั้งการทำงานของเชื้อ HIV

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หญ้าปักกิ่ง


หญ้าปักกิ่ง หรือ หญ้าเทวดา เป็นสมุนไพรรักษาโรคครอบจักรวาล ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นสมุนไพรรักษาโรคมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ใช้บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลย์ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน Activate Cells

ในภาษาจีน เรียกว่า "เล้งจือเช่า" ลักษณะคล้ายหญ้ามาเลเซีย ลำต้นหญ้าปักกิ่ง มีสารกลุ่ม กลัยโคสพิงโกไลบิตส์ (G1b) เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการฉายแสงในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง

สรรพคุณ
หญ้าปักกิ่ง ไม่มีพิษสะสมต่ออวัยวะอื่น และได้สรรพคุณทางเคมีเภสัชว่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงในระยะอ่อน-ปานกลาง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่

มะขามป้อม

มะขามป้อม เป็นสมุนไพรที่คนอินเดียใช้มาเป็นพันๆ ปี ในฐานะเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงสายตา บำรุงสมอง ซึ่งคนอินเดียเรียกมะขามป้อมว่า Amla หรือ Amalaka แปลว่า พยาบาล หรือ แม่ ซึ่งสะท้อน สรรพคุณทางยาอันมากมายของมะขามป้อมได้เป็นอย่างดี

ผลมะขามป้อม มีวิตามินซีสูงมากที่สุดในบรรดาพืชทุกชนิดที่มีในโลก ในผลมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นาน ไม่สลายตัวในความร้อนได้ง่าย

ผลมะขามป้อมมีสารในกลุ่ม แทนนินชื่อว่า emblicanins A และ B ที่มีฤทธิ์เป็นเช่นเดียวกับวิตามินซี แต่มีฤทธิ์แรงกว่าแต่ทนความร้อนและไม่สลายตัวง่ายเช่นเดียวกับวิตามินซี สารดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษโลหะหนัก รักษาโรคลักปิดลักเปิด ทั้งยังช่วยเสริมฤทธิ์วิตามินซีอีกด้วย  ดังนั้น ท่านจึงไม่ต้องกังวลว่า การกินมะขามป้อมแปรรูปหรือมะขามป้อมแห้งจะไม่ได้ประโยชน์

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สมุนไพรรักษามะเร็ง

มะเร็ง คือ เซลล์เนื้อร้ายที่เจริญเติบโตผิดปกติ แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ดีที่อยู่โดยรอบ เมื่อเข้าไปในเส้นเลือดและน้ำเหลือง แล้วจะกระจายไปในอวัยวะต่างๆ ทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะนั้นเสื่อมไป

สาเหตุของโรคมะเร็งเกิดได้ 3 ทาง คือ
  1. เกิดจากจากทางพันธุกรรม
  2. เกิดจากการได้รับสารก่อมะเร็ง เช่น สารเคมี รังสี ไวรัส สารพิษจากสิ่งแวดล้อม
  3. เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมและการโภชนาที่มากไป น้อยไม่ ไม่พอดี
เมื่อสารก่อมะเร็งเข้าไปในร่างกายจะไปจับยีนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น เกิดการกลายพันธุ์ หรือกระตุ้นยีนมะเร็งให้แสดงออกมากขึ้น โดยให้เซลล์ปกติเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งแล้วแบ่งตัวไปเรื่อยๆ ไม่หยุด จนเป็นก้อนมะเร็งใหญ่

โรคมะเร็งป้องกันได้

ร่างกายคนเรามีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น แต่เราชนะไม่ป่วยเป็นมะเร็งได้เพราะ ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งด้วยระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้ ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลายด้วยวิธีต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ได้แก่ การกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ อาหารไม่สะอาดเต็มไปด้วยสารพิษ สารก่อมะเร็ง การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ และการไม่ออกกำลังกาย

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มะรุม

สรรพคุณ

มะรุมมีฤทธิ์ขับลมและจัดอยู่ในยารสร้อน ทานมากโดยไม่มีการขับออก ก็อาจทำให้โลหิตร้อนได้ โดยปกติยาไทยจะเข้ามะรุมเมื่อต้องการให้ยามีสรรพคุณในการขับลม แต่ปัจจุบันด้วยแนวคิดทานสมุนไพรแบบยาแผนปัจจุบัน จึงเกิดอาการข้างเคียง ถ้าจะทานสมุนไพร ควรทานเป็นอาหาร เช่น ยอดมะรุมลวกทานกับน้ำพริก หรือแกงส้มมะรุม ถ้าทานเช่นนี้จะไม่มีปัญหา

ใบมะรุม

  • มีวิตามินซีช่วยป้องกันหวัดมากกว่าส้ม ถึง 7 เท่า
  • มีธาตุแคลเซียมบำรุงกระดูกมากกว่านมถึง 4 เท่า
  • มีวิตามินเอบำรุงสายตามากกว่าแครอท 4 เท่า
  • มีโปรตีนมากกว่านมสด 2 เท่า
  • มีธาตุโพแทสเซียมบำรุงสมองและระบบประสาทมากกว่ากล้วย 3 เท่า
ในใบมะรุมมีสารอยู่หลายชนิดดังที่ได้กล่าวมา ในทางการแพทย์จะช่วยใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ใช้ควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ถ้ามีการใช้ควบคู่กับยาแผนปัจจุบันจะช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรครูมาติซั่มและรักษาโรคตาได้เกือบทุกชนิด

สรรพคุณทางยา

ฝัก ปรุงเป็นอาหารรับประทานแก้ไข้หัวลม

เปลือกต้น มีรสร้อน รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก)

ราก มีรสเผ็ด หวานขม แก้บวม บำรุงไฟธาตุ มีคุณเสมอกับกุ่มบก แก้พิษ ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ

ชะลอความแก่สำหรับสรรพคุณของมะรุมในการชะลอความชรานั้นยังไม่พบรายงานการวิจัย แต่
เนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ที่สำคัญคือ รูทิน (rutin) และเควอเซ
ทิน (quercetin) ทั้งยังมีสารลูทีน (lutein) และกรดแคฟฟีโอลิลควินิก
(caffeoylquinic acids) ซึ่งทั้งหมดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อม
สภาพของเซลล์ในร่างกาย

ฆ่าจุลินทรีย์ในปี ๒๕๐๗ มีการค้นพบสารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ (Benzyl
thiocyanate glycoside) และเบนซิลกลูโคซิโนเลต (Benzyl glucosinolate) ใน
มะรุมซึ่งมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ นำมาสู่การใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู ปัจจุบัน
กำลังมีการศึกษาสารจากมะรุมในการต้านเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori ที่ทำให้
เกิดโรคกระเพาะอาหาร

ป้องกันมะเร็ง
การทดลองฤทธิ์ต้านมะเร็งในหนูพบว่า หนูที่ได้รับฝักมะรุมเป็นอาหารเกิดโรคมะเร็ง
ผิวหนังจากการกระตุ้นน้อยกว่ากลุ่มควบคุมโดยกลุ่มที่กินมะรุมมีเนื้องอกบนผิวหนัง
น้อยกว่ากลุ่มควบคุม สรุปได้ว่าสารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ชนิดหนึ่งและ
สารไนอาซิไมซิน (niazimicin) จากมะรุม สามารถต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้น
โดยสารฟอร์บอลเอสเทอร์ (Phorbol ester) ในเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้

ลดไขมันและคอเลสเตอรอลในส่วนของการลดไขมันและคอเลสเตอรอล จากการทดลอง ๑๒๐ วันให้กระต่ายกิน
ฝักมะรุมวันละ ๒๐๐ กรัมต่อกิโลกรัม น้ำหนักตัวต่อวัน เทียบกับยาโลวาสแททิน
(Lovastatin) ๖ มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวัน และให้อาหารไขมันสูง พบว่า
ทั้งกลุ่มที่กินมะรุมและยามีคอเลสเตอรอล ฟอสโฟลิพิด ไตรกลีเซอไรด์ VLDL LDL
ปริมาณคอเลสเตอรอลต่อฟอสโฟลิพิด และ atherogenic index ต่ำลง ทั้ง ๒ กลุ่มมี
การสะสมไขมันในตับ หัวใจ และหลอดเลือดแดงใหญ่ (เอออร์ตา) ส่วนกลุ่มควบคุม
ปัจจัยด้านการสะสมไขมันในอวัยวะเหล่านี้ไม่มีค่าลดลงแต่อย่างใด กลุ่มที่กินมะรุม
พบการขับคอเลสเตอรอลในอุจจาระเพิ่มขึ้น ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการกินมะรุมมีผลลด
ไขมันในร่างกาย

ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่เป็นโรคอ้วนมาแต่เดิม การศึกษา
การกินสารสกัดใบมะรุมในหนูที่กินอาหารไขมันสูง มีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด
ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนี้ในหนูที่กินสารสกัดใบ
มะรุมยังมีปริมาณไขมันในตับและไตลดลง สรุปว่าการให้ใบมะรุมเพื่อลดปริมาณ
ไขมันนั้น ทางการแพทย์อินเดียสามารถวัดผลได้ในเชิงวิทยาศาสตร์จริง

ฤทธิ์ป้องกันตับนอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ทำในหนูทดลองพบว่า สารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันโรค
ตับอีกด้วย

งานวิจัยการให้สารสกัดแอลกอฮอล์ของใบมะรุมกรณีทำให้ตับหนูทดลองเกิดความ
เสียหายโดยยาไรแฟมไพซิน พบว่าสารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันตับ โดยมีผลกับ
ระดับเอนไซม์แอสาเทคอะมิโนทรานสเฟอเรสอะลานีนทรานมิโนทรานสเฟอเรส
อัลคาไลน์ฟอสฟาเทสและบิลิรูบินในเลือด
และมีผลกับปริมาณโลหิตและไลพิดเพอร์ออกซิเดสในตับ โดยผลยืนยันจากการ
ตรวจชิ้นเนื้อตับ สารสกัดใบมะรุมและซิลิมาริน มีผลช่วยการพักฟื้นของการถูก
ทำลายของตับจากยาเหล่านี้

ประโยชน์ของมะรุม
  1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดได้เป็นอย่างดี
  2. ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
  3. รักษาโรคความดันโลหิตสูง
  4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
  5. ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ การรักษาโรคเอดส์ที่ประสพผลสำเร็จในกลุ่มประเทศแอฟริกา
  6. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง แต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน
    หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง
  7. ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์ โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม
  8. รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น หากรับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที่สมบูรณ์
  9. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง ท้องเสีย ท้องผูก โรคพยาธิในลำไส้
  10. รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ
  11. เป็นยาปฏิชีวนะ

ชื่อสามัญ มะรุม

ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam.

ชื่อวงศ์ Moringaceae

ชื่ออื่นๆ อีสานเรียก “ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม” ภาคเหนือเรียก “มะค้อมก้อน” ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก “กาแน้งเดิง” ส่วนชานฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก “ผักเนื้อไก่”

แกงส้มมะรุม

เครื่องปรุง

  • ฝักมะรุม 1 กิโลกรัม
  • กุ้งแม่น้ำ 6 – 8 ตัว
  • น้ำพริกแกงส้ม 150 กรัม
  • น้ำปลา 1.5 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลปี๊บ 3 – 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ลิตร
  • มะขามเปียก 3/4 ถ้วยตวง
วิธีเตรียมส่วนประกอบ

มะรุม นำมาปอกผิวด้วยมีด ให้ผิวด้านนอกที่เป็นสีเขียวแข็งออก หรือถ้าชอบที่จะทานแบบมีใยไว้สำหรับเคี้ยวให้สนุกปาก ก็ใช้มีดขูดผิวให้สีเขียวด้านนอกของฝักมะรุมออกให้สะอาด จากนั้นตัดมะรุมเป็นท่อนๆ ละ 2 - 2.5 นิ้ว ตามชอบ ล้างน้ำให้สะอาดพักไว้



กุ้ง อาจจะใช้กุ้งแม่น้ำ หรือจะเป็นกุ้งแชบ๊วยก็ได้ นำมาผ่าหลังเอาเส้นดำออก แล้วล้างให้สะอาดพักไว้

น้ำพริกแกงส้ม
  • หัวหอมแดงปอกเปลือก ล้างสะอาดก่อนซอยบาง 8 หัว
  • พริกชี้ฟ้าแดง ตัดขวางเม็ดนำเมล็ดออก 6 เม็ดใหญ่
  • พริกขี้หนูแห้ง นำขั้วออกแช่น้ำ 6 - 8 เม็ด
  • ขมิ้นเหลืองสด ปอกเปลือกสะอาด 1 แง่ง
  • กะปิ นำไปห่อใบตองย่างไฟกลางให้หอม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำพริกแกงส้ม
  1. นำพริกแห้งทั้งใหญ่และพริกขี้หนูที่แช่น้ำแล้วจนนิ่ม นำมาบีบน้ำให้แห้ง ใส่ในครกลงตำให้ละเอียด
  2. นำหัวหอมแดงใส่ตำจนละเอียดเข้ากันดี
  3. จากนั้นใส่ขมิ้นหั่นชิ้นเล็ก ตำผสมให้เข้ากันดี
  4. แล้วจึงใส่กะปิที่ย่างไฟหอมลงตำให้เข้ากัน พักไว้
น้ำมะขามเปียก ใช้มะขามเปียกที่สีสดใหม่ 250 กรัม ล้างน้ำสะอาดก่อนแช่กับน้ำร้อน 500 กรัม จนนิ่ม ใช้มือคั้นให้ได้น้ำมะขามเปียก จากนั้นนำมากรอง

วิธีทำแกงส้ม

  • นำน้ำตั้งไฟให้เดือด ใส่พริกแกงส้มที่ตำไว้แล้ว ละลายให้เข้ากัน
  • พอน้ำแกงเดือดให้ใส่มะรุมลงไป ปิดฝาหม้อ พอเดือด ช้อนฟองที่ลอยอยู่บนน้ำแกงออกบ้าง
  • ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขาม ให้รสชาติออกหวาน เค็ม เปรี้ยว พร้อมกัน
  • เคี่ยวไฟพอเดือดจนมะรุมนุ่มดีแล้วจึงใส่กุ้งสดที่ทำสะอาดแล้วลงไป เร่งไฟให้น้ำแกงเดือดจนกุ้งสุกเป็นใช้ได้
สรรพคุณ

มะรุมมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต แก้ไข้ ป้องกันโรคตับ ชะลอความแก่

เคล็ดลับการทำแกงส้ม
  • น้ำแกงต้องไม่ข้นหรือใสจนเกินไป
  • ต้องให้มะรุมสุกก่อน จึงปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ไม่เช่นนั้นผักจะไม่นุ่ม
  • แกงส้มถ้าทิ้งค้างคืนไว้รสชาติจะเข้มข้นอร่อยขึ้น